ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดงานครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่กองทัพได้ให้ความสำคัญกับบทบาทของพระสงฆ์เพื่อระดมการแก้ปัญหาความมั่นคง ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจุดประกายการแก้วิกฤตที่ถูกทางของกองทัพไทย กรมเสมียนตราประกอบด้วยบุคลากรทางกองทัพคืออนุศาสนาจารย์ที่ทำหน้าที่บรรยายธรรมให้กับกองทัพ ซึ่งเป็นพระบรมราโชบายของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ทรงเห็นความสำคัญในการปลอบขวัญกำลังใจให้กับทหาร จึงทรงก่อตั้งกรมเสมียนตราขึ้น นับเวลาได้ 100 ปีพอดี พระวิทยากรที่เข่าร่วมอภิปรายครั้งนี้ อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว ) พระธรรมโกษาจารย์ อธิการบดีมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรมเสมียนตราในฐานะตัวแทนกองทัพมิได้เสนอข้อมติชัดเจนแต่ฝ่ายพระสงฆ์กลับเสนอแนวทางให้ฝ่ายกองทัพชัดเจนกว่า เป็นสถานการณ์ใหม่ในประเทศไทยที่พระสงฆ์กำลังแสดงภาวะผู้นำทหาร เมื่อพระธรรมโกษาจารย์กล่าวระหว่างบรรยายบนเวทีว่านโยบาย 66/23 ซึ่งรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์นำไปให้กองทัพปฏิบัติในอดีตทำหน้าที่ยุติความรุนแรงสำเร็จ ประเทศไทยได้นำเอาแนวทางสันติมาใช้อย่างถูกวิธี สามารถยุติสงครามกลางเมืองกับคอมมิวนิสต์ พระธรรมโกษาจารย์ยืนยันว่าการแก้ปัญหาใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญแก้ปัญหาบ้านเมืองไม่ได้ เพราะจะยิ่งพาสู่ความวุ่นวาย
นโยบาย 66/23 ได้แก้ปัญหายุติความรุนแรงที่เกิดจากภัยคอมมิวนิสต์ได้มาก่อน พระธรรมาโกษาจารย์ประยูร ธมฺมจิตโต อธิการบดี มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในที่ประชุมระหว่างทหารและพระสงฆ์นั้นได้มีเอกสารของพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโรแจกจ่ายให้กับผู้เข้าร่วมประชุมทั้งพระสงฆ์และทหารที่เข้าร่วม สำนักสื่อปฏิวัติได้สัมภาษณ์พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโรประธานสภาธรรมาธิปไตย เจ้าอาวาสวัดตะล่อม ถึงเหตุผลในการแจกเอกสารทั้งๆที่ถูกรับเชิญมาในฐานะผู้ฟังเท่านั้นว่าเพราะได้ทำหน้าที่แจกเอกสารให้ความรู้กับพระสงฆ์ด้วยกันมาหลายครั้งในหลายที่ประชุมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้องการให้พระสงฆ์มีความรู้และตื่นตัวออกมาช่วยบ้านเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยกล่าวว่าเรื่องนโยบาย 66/23 ก็เพิ่งมีชาวพุทธกลุ่มหนึ่งนำไปแจกจ่ายที่ประชุมพุทธโลกเมื่อวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา
เป็นนิมิตรหมายที่ดี เอกสารที่ไปแจกไม่ได้รับการปฏิเสธ พระสงฆ์ที่ได้รับเอกสารกล่าวว่า ได้รับประจำและติดตามอยู่เสมอ เพราะก่อนหน้านี้ได้รับการปฏิเสธ พระมหาบุญถึงกล่าว
พระสังฆปาโมกข์หรือแม่ทัพน้อยไปเข้าร่วมมากกว่าแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพทั้งสองแม่ทัพให้ความสำคัญต่องานความมั่นคงน้อยไป พระมหาบุญถึงกล่าว
แหล่งข่าวชาวพุทธกล่าวว่า การที่พระสงฆ์ระดับสังฆาธิการไม่เข้าร่วมเท่าที่ควรจะเป็น สะท้อนให้เห็นปัญหาโครงสร้างเดิมที่พระสงฆ์ถูกครอบงำมานาน จนทำให้ไม่สนใจปัญหาบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระธรรมโกษาจารย์อธิการบดี มจร.เปิดประเด็นบนเวทีเรื่องกฎหมายบางมาตราในรัฐธรรมนูญจำกัดสิทธิพระสงฆ์ ทำให้พระสงฆ์ไทยเข้าร่วมในการเมืองไม่ได้แตกต่างจากพระสงฆ์ในศรีลังกา ยังถูกจำกัดอยู่ในเรื่องการตีกรอบพระสงฆ์ตามมาตราในรัฐธรรมนูญต่อเรื่องการเมือง สะท้อนให้เห็นว่าพระสงฆ์ยังติดหล่มอยู่ อยู่ในกรอบความคิดแบบเดิม ถ้าเปลี่ยนกรอบความคิดใหม่การเข้าร่วมของพระสงฆ์จะมีมากกว่านี้
พระมหาบุญถึง ในฐานะพระนักเคลื่อนไหว กล่าวว่า ยังเป็นความขัดแย้งกันอยู่ระหว่างการเชิญให้พระสงฆ์มีส่วนเข้าร่วมแก้ปัญหาความมั่นคง แต่ยังถูกตีกรอบตามมาตราในกฎหมายรัฐธรรมนูญว่าไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง โดยเปิดเผยว่าผลจากการประชุมสามวัน ทั้งทหารที่เข้าร่วมประชุมและพระสงฆ์ต่างก็ต้องการให้กันและกันเป็นผู้นำและยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้เพราะยังวกกลับไปแก้ปัญหาที่รัฐธรรมนูญเหมือนเดิม
แม้จะมีการสรุปจากการประชุมสามวัน ก็ยังมองไม่เห็นว่าจะทำได้หรือเปล่า การประชุมแบบนี้ถ้าไม่นำสู่การปฏิบัติได้ เพราะยังแก้ปัญหาความเห็นไม่ได้ เพราะยังจะหันไปแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญอีก เหมือนลิงแก้แห เหมือนไก่ไปเขี่ยเส้นไหม ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง
มาถึงวันนี้เราก็ยังสมานกันไม่ได้ พี่น้องที่เสียผลประโยชน์ ก็ไม่ได้อาเรื่องถูก ยังเอียงไปเอาทางซ้าย ก็ยังเป็นมิจฉาทิฎฐิอยู่นั่นเอง ต้องหันมาแก้ทันที เรื่องแบบนี้ประนีประนอมไม่ได้ ประนีประนอมกับกิเลสไม่ได้ ต้องแก้ทันที มองเห็นแต่พระพุทธเจ้า จะแก้ปัญหานี้ มีทางเดียวต้องแก้แบบพระพุทธเจ้าคือแก้จากมิจฉาทิฎฐิให้เป็นสัมมาทิฎฐิ
ที่เราสร้างประชาธิปไตยช้ากว่าประเทศญี่ปุ่น มันช้า ไม่ใช่เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ช้าเพราะพวกเรานี่แหละ ตั้งแต่คณะราษฎรยึดอำนาจแล้วไม่ให้ประชาชน เอาอำนาจไปใช้เสียเอง จนทหารมายึดอำนาจไป
พระมหาบุญถึงกล่าวว่าการจุดประกายให้สถาบันกองทัพแก้ปัญหาความมั่นคงได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเชิญอนุศาสนาจารย์จากกองทัพทั้งสี่เหล่าร่วมอภิปรายเรื่องการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ที่วัดตะล่อมตลอดต่อเนื่องเป็นเวลา 100 วันระหว่างการจัดถวายพระศพพระพี่นางเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา มีการแลกเปลี่ยนกันกับอนุศาสนาจารย์เรื่องปัญหาชาติมาบ้าง และเสนอให้แก้ปัญหาความมั่นคงต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ด้วยการสร้างประชาธิปไตย
สมาน ศรีงาม เลขาธิการทั่วไปขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติกล่าวว่าแสดงทัศนะต่อประเด็นนี้ว่าประชาธิปไตยไม่ใช่ของใครแต่เป็นของพระมหากษัตริย์เอง เพราะพระเจ้าอยู่หัวสามรัชกาล ทั้งรัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 ร่วมสร้างมาก่อน ก่อนที่จะถูกยึดอำนาจไปโดยคณะราษฎร
ขณะนี้กองทัพธรรม นำกองทัพไทยแล้ว สรุปลงตรงที่ตัวแทนพระสงฆ์คืออธิการบดีมจร.และพระมหาบุญถึงเองได้ทำหน้าที่นำกองทัพไทยแล้ว ประเทศไทยกำลังจะนำโลก จิตนำวัตถุ วัตถุมิได้นำจิต ตามเอกสารของพระมหาบุญถึง นายสมานกล่าว