Revolutionary Press Agency : Online Journal and News Agency for Peace
สำนักสื่อปฏิวัติ  : วารสารข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
8 มิ.ย. 2554 กองหน้าประชาชนรุ่นใหม่ อนุสรณ์ สมอ่อน ตอบคำถามคาใจทำไมต้องปฏิวัติประชาธิปไตย? 
ภารกิจประวัติศาสตร์วัดตะล่อมกับกุฏิสงฆ์นานาชาติผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธโลก
 
สำนักสื่อปฏิวัติสันติ - Revolutionary Press Agency (RPA)
กรุงเทพ : 28 มิ.ย. 2552 
 
        รายรายงานพิเศษครั้งนี้พาท่านผู้อ่านไปร่วมพิธีกรรมครั้งสำคัญ การวางศิลาฤกษ์สร้างกุฏิสงฆ์นานาชาติ ที่วัดตะล่อม ในซอยจรัลสนิทวงศ์ 13 ธนบุรี  พิธีวางศิลาฤกษ์ครั้งนี้กำหนดขึ้นในเช้าของวันที่ 23 มิถุนายน 2552 ที่ลานธรรมวัดตะล่อมและทำการทอดผ้าป่า "กองทุนสร้างกุฏิสงฆ์นานาชาติพระพรหมวชิรญาณ" ซึ่งเป็นอาคาร 5 ชั้นเพื่อเป็นที่พักแก่พระสงฆ์นานาชาติ 8  ประเทศ  คือพม่า ลาว กัมพูชา บังคลาเทศ เวียดนาม อินเดีย เนปาล และไทย เนื่องจากวัดตะล่อมกำลังประสบปัญหากุฏิสงฆ์มีไม่พอเพียง   พระสงฆ์ที่มาพำนักอยู่จำต้องอยู่กันอย่างแออัด มาเป็นเวลาหลายปี   กุฏิมีจำนวนไม่เพียงพอเนื่องจากมีพระสงฆ์จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
 
       พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโรเจ้าอาวาสวัดคนปัจจุบันจึงมีภารกิจครั้งสำคัญในการเร่งสร้างกุฏิวัดให้แก่พระสงฆ์นานาชาติให้สำเร็จตามนโยบายการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางพุทธโลก ดังการยกย่องของชาวพุทธทั่วโลก   พระมหาบุญถึงกล่าวว่าพระสงฆ์ส่วนใหญ่ที่เดินทางมาศึกษาปริยัติธรรมในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากประเทศยากจน ต้องหาทุนมาเรียนเองและจะทำหน้าที่เผยแผ่พระศาสนาต่อไปในอนาคต พระสงฆ์นานาชาติดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนพระธรรมทูตที่เข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตของพระสงฆ์ไทยที่อาจมีวิถีแตกต่างหรือคล้ายคลึงกับพระสงฆ์ในประเทศอื่นที่ถือนิกายเถรวาทเหมือนกัน และมีวิถีปฏิบัติเช่นเดียวกับพระสงฆ์ไทยทุกประการ  พระทุกรูปต้องอาศัยการเดินทางจากวัดไปเรียนที่มหามกุฎราชวิทยาลัยและมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย   พระสงฆ์หลายรูปได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมไทยไปด้วย
 
       
       ภารกิจวัดตะล่อม 

       วัดตะล่อมได้กลายเป็นแหล่งหล่อหลอมวัฒนธรรมความเสมอภาคและเสรีภาพของมนุษย์ตามอุดมการณ์ของพุทธศาสนาด้วยการจัดตั้งสถาบันธรรมะประชาธิปไตยขึ้นเพื่อทำการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปกครองแบบประชาธิปไตยแบบไทยโดยมีพระมหาบุญถึงเป็นผู้อำนวยการสถาบัน  ในจุดเริ่มต้นวัดประสบปัญหาจากความไม่เข้าใจในแนวทางในเบื้องต้น ทิ้งช่วงไม่ถึงหนึ่งปีเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย การนำของพระมหาบุญถึงเริ่มปรากฎเป็นที่ยอมรับมากยิ่งขึ้น วัดตะล่อมยังคงเป็นที่รู้จักกันดีต่อชาวบ้านในชุมชนบางแวกและยิ่งเป็นที่สนใจยิ่งขึ้นเมื่อพระสงฆ์นานาชาติออกบิณฑบาตรยามเช้าและเข้าร่วมกิจกรรมการเดินธรรมยาตราหลายต่อหลายครั้งจนปรากฎเป็นข่าวไปทั่ว  อย่างไรก็ดีมีผู้กังขาและต้องการคำอธิบายว่าทำไมวัดตะล่อมจึงทำในสิ่งที่แตกต่างจากวัดอื่นทั่วไป .......
           
       เมื่อหลายสิบปีก่อน…มีผู้รู้และปราชญ์ราชบัณฑิตกลุ่มหนึ่งได้เข้าร่วมกันจัดตั้งแนวทาง “การประสานโมกษธรรมกับการเมือง “ ขึ้นที่วัดสวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฏร์ธานีร่วมกับท่านพุทธทาสอินทปัญโญ  พระภิกษุสงฆ์องค์สำคัญแห่งยุคสมัย   โดยเชื่อมั่นว่าธรรมะของพระพุทธองค์จะสามารถใช้แก้ปัญหาประเทศชาติ   ปัญหามนุษยชาติและปัญหาโลกได้

       “ เมืองไทยกับโลก ” เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดขึ้นมานานแล้วซึ่งนับเป็นการประสานโมกษธรรมเข้ากับการเมืองแห่งแรกในโลกที่ประเทศไทย นั่นคือ การสร้างสันติภาพโลกถาวรตามแนวทางพุทธศาสนา อันเป็นอุดมการณ์ของสวนโมกข์   การริเริ่มแนวคิดใหม่แบบสวนโมกข์นี้มุ่งหวังให้พระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งพิงของชาวโลก  สามารถนำพระพุทธศาสนาไปแก้ปัญหาการเมืองการปกครอง  สามารถนำหลักพุทธธรรมไปอธิบายความขัดแย้งของสังคมทุกระดับ จากสังคมท้องถิ่นพื้นบ้าน สู่ปัญหาประเทศและปัญหาสังคมโลก  เพราะเชื่อมั่นว่าพุทธศาสนาคือคำตอบของมนุษยชาติที่สมบูรณ์ที่สุด

    ปราชญ์ราชบัณฑิตและผู้รู้กลุ่มดังกล่าวในสมัยนั้นคือ  ท่านเจ้าคุณลัดพลีธรรมประคัลน์  อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์  อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร   ได้เสนอให้นำหลักอริยสัจสี่ในการวิเคราะห์เหตุแห่งปัญหาของประเทศไทยและของโลก  และนำสู่สมุหทัยหาเหตุของปัญหาเพื่อแก้ไขเหตุให้ถูกต้อง  ด้วยเล็งเห็นภัยต่างๆที่มาเยือนสังคมมนุษย์
 
        ภัยร้ายแรงทั้งหายที่ทำให้มนุษย์เกิดการแบ่งแยกสังคมออกจากกัน  เกิดการแย่งชิงทรัพยากรเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศของตน  ในทางเศรษฐกิจเกิดทฤษฎีทุนนิยมและการลงทุนข้ามชาติอย่างมโหฬาร  ในทางทหารเกิดการพัฒนาแสนยานุภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์และคุกคามซึ่งกันและกัน  ความไม่ไว้วางใจกัน ความไม่เป็นมิตรกัน ไม่สามารถซ่อนแอบอยู่ภายใต้องค์กรจัดตั้งระดับโลกได้เลย      ปรากฎการณ์การคุกคาม และวางหมากยุทธศาสตร์เป็นไปอย่างต่อเนื่องภายใต้วาทะการทูตแบบสันติวิธี    เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากปัญหาความเห็นผิดทั้งสิ้น  
 
      การประสานโมกษธรรมเข้ากับการเมือง  คือการยึดตามรอยบาทพระศาสดาด้วยการนำหลักการสูงสุดของพระพุทธศาสนาซึ่งเป็น"อุดมธรรม" แห่งภาวะพุทธะ สู่ชนชั้นปกครอง เฉกเช่นที่พระพุทธเจ้าเคยทำสำเร็จมาก่อนกับพระเจ้าพิมพิสารเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมาก       พระพุทธองค์ทรงเลือกโปรดชนชั้นปกครองก่อนและเมื่อชนชั้นปกครองรับสิ่งที่ถูกต้องไป  การเปลี่ยนแปลงในระดับล่างอันเป็นกลไกของสังคมก็จะเกิดขึ้นตามมา   พระพุทธเจ้าทรงใช้พระปรีชาสามารถในการใช้หลักธรรมเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอินเดียโบราณสู่สังคมแห่งภราดรภาพ เสมอภาค อันเกิดจากสันติภาพในจิตใจ ด้วยหลักธรรมคำสอนอันสูงส่ง  ทรงท้าทายสังคมชนชั้นวรรณะ (Caste) ที่มีการแบ่งชนชั้นอย่างรุนแรง ในสังคมพราหมณ์อินเดียโบราณ  พราหมณ์  กษัตริย์ แพศย์ ศูทร จัณฑาล สู่สังคมใหม่คือสังคมพุทธโดยมีสังคมของพระสงฆ์เป็นสังคมอุดมคติต้นแบบ อย่างปราศจากการนองเลือด  ซึ่งนับเป็นการนำปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติวิธี หรือที่เรียกว่า "การปฏิวัติสันติ"  
  
         จากสวนโมกข์มาสู่วัดตะล่อมได้อย่างไร
 
   ประเทศไทยผ่านวิกฤตทางการเมืองการปกครองหลายครั้ง  ในสมัยท่านพุทธทาสเกิดปรากฏการณ์การเข่นฆ่านักศึกษา  เกิดภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ที่เข้าต่อสู้กับเผด็จการทหาร  ในยุคปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญภัยร้ายแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือภัยจากมิจฉาทิฎฐิของเผด็จการรัฐสภาในรูปแบบการเลือกตั้งและภัยมืดจากลัทธิทุนนิยมข้ามชาติที่กำลังกลืนกินจิตวิญญาณคนไทยจนสูญสิ้นเอกราชทางความคิด สู่ภาวะ"วิกฤตที่สุดในโลก"    

         ศิษย์อาจารย์ประเสริฐ ทรัพย์สุนทรคนสำคัญที่ทำหน้าที่เชื่อมร้อยแนวทาง “ประสานโมกษธรรมกับการเมือง”   มายังวัดตะล่อมคืออาจารย์สมาน  ศรีงามที่ได้ทำหน้าที่เชื่อมร้อยแนวทางผ่านพระสงฆ์องค์สำคัญที่ตกเป็นข่าวต่อเนื่องที่สุดรูปหนึ่งระหว่างมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับล่าสุดคือ  พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร เจ้าอาวาสวัดตะล่อมหรือประธานรัฐสภาวนารามในปี 2550      พระมหาบุญถึง แม่ทัพแห่งกองทัพธรรมวัดตะล่อมนอกเหนือจากจะเป็นพระสงฆ์ที่เข้าใจแนวทาง
" ปฏิวัติสันติ" เป็นอย่างดีแล้ว  ยังคงทำหน้าที่หลักด้วยการกำหนดนโยบายให้วัดตะล่อมเป็นศูนย์รวมสรรพวิทยาต่างๆของภูมิปัญญาชาวพุทธ และเพื่อทำหน้าที่กรุยทางให้ประเทศไทยได้เริ่มต้นบทบาทการเป็นศูนย์กลางพุทธโลกอย่างเต็มตัว
 
พื้นที่กุฏิเก่าที่ถูกทุบลงเตรียมพร้อมสำหรับกุฏิใหม่
บายศรีบวงสรวงแบบพิธีพราหมณ์แจ้งบอกเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
 
 
พล อ. ชวลิต นอกจากจะประเดิมร่วมสร้างกุฏิด้วยเงินจำนวนหนึ่งแสนบาทแล้วยังเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ด้วย
จุดธูปเทียนวันนี้ก่อนแถลงข่าวจี้รัฐบาลประชาธิปัตย์เรื่องปัญหาภาคใต้
 
 
ท่านเจ้าคุณพระพรหมโมฬีเจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติการามหนึ่งในคณะกรรมการมหาเถรสมาคม
ท่านเจ้าคุณพระพรหมวชิรญาณ(ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) ประธานพิธีระหว่างทำพิธีเจิมวางหลักศิลา
 
 
พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร โปรยดอกไม้ที่หลักศิลาเป็นมงคลฤกษ์
 
ท่านเจ้าคุณพรหมวชิรญาณปลูกต้นศรีมหาโพธิ์
 
 
พระสงฆ์บังคลาเทศเข้ามาร่วมดูพิธีกรรมอย่างสนใจ หัวแถว(ซ้าย)คือพระวิจิตร ญาณโสภโณจากวัดปริณายก
เบื้องหลังท่านเจ้าคุณพรหมฯคือบิ๊กจิ๋วและคุณชิงชัย มงคลธรรมหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ก่อนการประกาศการนำใหม่หนึ่งวัน
 
 
 
ร่วมปลูกต้นศรีมหาโพธิ์อีกหนึ่งต้นโดยพลอ.ชวลิต ยงใจยุทธและคุณชิงชัย มงคลธรรม
 
 
ต้นผ้าป่าพม่ามาจากพระและโยมชาวพม่าทั้งหมด 800 ซอง
สมเด็จฯโตหรือขรัวโตในบริเวณหน้าโบสถ์เป็นพยาน
 
 
 
หลังการแยกย้ายทางการเมืองสู่การวมตัวกันครั้งแรกในชีวิตของทั้งสองท่านที่ร่วมรดน้ำพรวนดินร่วมกัน
 
 
 
ภาพข่าวชุดนี้บันทึกขึ้นในเช้าของวันที่ 23 มิถุนายน โดยพระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดยานนาวาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์    และมีพล อ. ชวลิต ยงใจยุทธกล่าวแถลงต่อประธานถึงภารกิจอันสำคัญของวัดตะล่อมว่ามิได้มีต่อประเทศไทยเท่านั้น หากยังมีภารกิจสำคัญต่อชาวโลกอีกด้วย
 

ปฏิวัติสันติ

 
สมัคร ยกเลิก
 
 
Revolutionary Press Agency
Online Journal and News Agency for Peace  :  วารสารและข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
Copyright © 2024 www.rpathailand.com All Rights Reserved.
ทำเว็บ  ออกแบบเว็บ  Web Design  เว็บสำเร็จรูป  เว็บไซต์สำเร็จรูป