รัฐธรรมนูญฉบับต่อๆ มาเพิ่มอำนาจในสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้นจนถึงฉบับปัจจุบันนับว่าให้อำนาจแก่สถาบันพระมหากษัตริย์ในระบบรัฐสภามากกว่ารัฐธรรมนูญของหลายประเทศ
อย่างนี้พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองหรือ ?
คำว่า อยู่เหนือการเมือง คณะราษฎรเป็นผู้นำมาปรากฏในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม พุทธศักราช ๒๔๗๕ มาตรา ๑๑ ว่า พระบรมวงศานุวงศ์ ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป โดยกำเนิดหรือโดยแต่งตั้งก็ตาม ย่อมดำรงอยู่ในฐานะเหนือการเมือง ซึ่งหมายความว่าเล่นการเมืองไม่ได้ เป็นส.ส.ไม่ได้ เป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ปฏิบัติงานการเมืองไม่ได้ เป็นต้น
พระมหากษัตริย์ ย่อมไม่เล่นการเมืองอยู่แล้ว และพระบรมวงศานุวงศ์ย่อมไม่หมายความว่าถึงองค์พระมหากษัตริย์ ฉะนั้นคำว่า อยู่เหนือการเมือง จึงไม่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และตามความเป็นจริงพระมหากษัตริย์ไม่ได้อยู่เหนือการเมือง สถาบันใดก็ตามที่ได้ใช้อำนาจอธิปไตยเป็นสถาบันที่อยู่ในการเมืองไม่ได้อยู่เหนือการเมือง หรืออยู่นอกการเมือง
ฉะนั้นผมจึงเห็นว่า ที่คุณวิสุทธิ์ โพธิ์แท่น เขียนว่า พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองนั้นไม่ถูกต้อง และเป็นการบั่นทอนอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย
บางคนบอกว่าพระมหากษัตริย์เป็นกลางทางการเมือง ผมก็ว่าไม่ถูกอีกเหมือนกันเช่นเดียวกับที่มีคนกล่าวว่า องค์การสหประชาชาติเป็นกลาง ซึ่งอูถั่นอดีตเลขาธิการสหประชาชาติชาวพม่า ชี้แจงว่า องค์การสหประชาชาติไม่เป็นกลางแต่เป็นผู้ทรงความยุติธรรมเพราะความเป็นกลางระหว่างอะไรกับอะไรก็ได้ เป็นกลางระหว่างถูกกับผิดได้ แต่ทรงความยุติธรรมย่อมอยู่ฝ่ายถูกเสมอไป
คำว่า กลาง ซึ่งมีแต่ส่วนดีไม่มีส่วนเสีย คือสายกลาง ตรงกับมัชฌิมาปฎิปทา คือการปฏิบัติสายกลาง ประกอบด้วยองค์ ๘ ประการ ซึ่งเป็นสัมมาทั้งนั้น ไม่มีมิจฉาเลย ถูกทั้งนั้น ไม่มีผิดเลย
ฉะนั้น พระมหากษัตริย์จึงไม่อยู่เหนือการเมืองเพราะเป็นสถาบันใช้อำนาจอธิปไตย และไม่เป็นกลางทางการเมือง เพราะเป็นสถาบันทรงความยุติธรรมทางการเมือง
เวลานี้การเรียกร้องการสร้างประชาธิปไตยกำลังขึ้นสู่กระแสสูง วงการเมืองยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า ทางออกของชาติ คือการสร้างประชาธิปไตยที่ไหนก็ได้ยินแต่คำว่า สร้างประชาธิปไตย แต่วิธีการสร้างประชาธิปไตยทำอย่างไร ยังเต็มไปด้วยความสับสน วิธีการสร้างประชาธิปไตยในประเทศเอกราชเอเชียนั้น แตกต่างกับในประเทศยุโรปซึ่งมีประชาชนลุกขึ้นช่วงชิงอำนาจพระมหากษัตริย์มาเป็นของตน แต่ในประเทศเอเชียนั้น การสร้างประชาธิปไตยเป็นพระราชกรณียกิจของกระมหากษัตริย์ โดยพระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจซึ่งเป็นของพระองค์อยู่เดิมให้แก่ประชาชน ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสำเร็จ ประชาธิปไตยก็สำเร็จ แต่ถ้าพระมหากษัตริย์ทรงปฏิวัติพระราชกรณียกิจไม่สำเร็จไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตาม การสร้างประชาธิปไตยก็ล้มเหลว เพราะไม่มีวิธีการอื่นๆ ที่จะสร้างประชาธิปไตยได้นอกจากวิธีการที่พระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจให้ประชาชนเท่านั้น
ตัวอย่าง คือ พระจักรพรรดิมัตซูฮิโตแห่งญี่ปุ่น ทรงปฏิบัติพระรชกรณียกิจมอบอำนาจให้ประชาชนสำเร็จ การสร้างประชาธิปไตยในญี่ปุ่นจึงสำเร็จแต่ในประเทศจีนจึงล้มเหลวแม้ว่าพรรคก๊กมินตั๋งจะได้อำนาจต่อมาก็ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยได้ แต่สร้างการปกครองระบอบเผด็จการในระบบประธานาธิบดีจนถูกคอมมิวนิสต์ยึดอำนาจเปลี่ยนประเทศจีนเป็นคอมมิวนิสต์ไป ถ้าพระมหากษัตริย์ถูกขัดขวางไม่ให้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมอบอำนาจให้ประชาชนแล้วก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จได้
พระมหากษัตริย์ไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจสร้างประชาธิปไตยมาพร้อมๆ กับพระจักรพรรดิญี่ปุ่น โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตยเป็นลำดับมา ซึ่งสืบทอดโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และกำลังจะสำเร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จกระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยทรงกำหนดจะมอบอำนาจให้แก่ประชาชนในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕ แต่ถูกคณะราษฎรชิงอำนาจไปเสียเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน เมื่อพระมหากษัตริย์ไม่สามารถปฏิบัติพระราชกรณียกิจมอบอำนาจให้แก่ประชาชนด้วยเกิดอุปสรรคดังกล่าวแล้ว การสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทยจึงล้มเหลว ประเทศไทยจึงตกอยู่ในระบอบเผด็จการระบบรัฐสภามาจนถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวิธีการอื่นใดที่จะสร้างประชาธิปไตยให้สำเร็จได้ นอกจากวิธีการเดิมที่พระมหากษัตริย์ทรงมอบอำนาจให้ประชาชนเท่านั้น ฉะนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีการใดๆ จะไม่มีทางสำเร็จเลย
การที่จะสร้างประชาธิปไตยในประเทศไทยให้สำเร็จได้นั้น มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นคือ คืนอำนาจแด่พระมหากษัตริย์ เพื่อทรงมอบอำนาจให้แก่ปวงชนชาวไทย ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระปกเกล้าว่า
....ข้าพเจ้าสมัครใจจะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่เดิม ให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป.... คือ การโอนอำนาจจากรัฐสภา มาสู่สภาปฏิวัติแห่งชาติ (สภาองคมนตรีร.๗) ตามแถลงการณ์สภาปฏิวัติแห่งชาติในหนังสือสภาปฏิวัติแห่งชาติ แผนพัฒนาการเมืองไปสู่การปกครองระบอบ ประชาธิปไตย ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
จบ
เขียนโดย อ.ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร
เผยแผ่โดยขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ
The National Democratic Movement of Thailand (NDMT)