Revolutionary Press Agency : Online Journal and News Agency for Peace
สำนักสื่อปฏิวัติ  : วารสารข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
8 มิ.ย. 2554 กองหน้าประชาชนรุ่นใหม่ อนุสรณ์ สมอ่อน ตอบคำถามคาใจทำไมต้องปฏิวัติประชาธิปไตย? 
แม่ชีไทยประกาศทวนกระแสความเสื่อมแบบโลกาภิวัฒน์
ชูธรรมะสู่ระบบการศึกษาป้องกันโลกาวินาศ
 
สำนักสื่อปฏิวัติสันติ - Revolutionary Press Agency (RPA)
ศาลายา พุทธมณฑล : 15 ส.ค. 2552 
 
          รายงานข่าวจากงานเสวนาเรื่องบทบาทสตรีไทยในฐานะพุทธบริษัทสี่ต่อการสืบสานพระพุทธศาสนา จัดขึ้นโดยสถาบันแม่ชีไทยภายใต้มูลนิธิสถาบันแม่ชีไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์และกลุ่มสตรีภาวนาแห่งสยาม  ที่บริเวณงานศูนย์กลางสถาบันแม่ชีไทยโครงการรัตนปราสาท ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมาเนื่องในสัปดาห์วันแม่แห่งชาติ คณาจารย์แม่ชีไทยผนึกกำลังแก้วิกฤตสังคมไทยด้วยธรรมะสู่สังคม

          แม่ชีแช่มจิต กลัดจ่าย หัวหน้าสำนักศาลาสันติสุขหนึ่งในคณะกรรมการบริหารสถาบันแม่ชีไทยในฐานะวิทยากร ได้กล่าวว่าในปัจจุบันชาวไทยแปลความหมายของโลกาภิวัฒน์ผิดความหมาย เพราะคิดว่าเป็นสิ่งดี แม่ชีกล่าวว่าโลกาภิวัฒน์เมื่อแปลตรงตามตัวอักษรหมายถึงความเจริญไปสู่ความเสื่อมทางโลกอันนำไปสู่ความย่อยยับ

          “ โลกาภิวัฒน์ เด็กไม่รู้หรอกว่าคืออะไร โลกะแปลว่าโลก ก็หมายถึงการเกิดและดับ คือความเสื่อมคือความย่อยยับ อภิแปลว่าใหญ่ วัฒน์แปลว่าความเจริญ รวมความว่าคือความเจริญที่นำมาซึ่งความเสื่อมอย่างย่อยยับ ”
 

 
         แม่ชีแช่มจิตกล่าวว่าสังคมในอดีตกับปัจจุบันแตกต่างกันมากเนื่องจากระบบการศึกษาไทยได้นำเรื่องศีลธรรมออกไปจากระบบการเรียนการสอนทำให้เด็กและเยาวชนขาดการอบรมบ่มนิสัย ทำให้เกิดความสลดสังเวชที่ระบบการศึกษาเอาเรื่องศีลธรรมออกไป  และเรียกร้องให้นำการเรียนการสอนศีลธรรมกลับมาสู่ระบบการศึกษา

    
          “ ยุคนี้เป็นยุควิกฤตอีกหน่อยจะมีวิกฤตมากกว่านี้ วิกฤตพลเมือง วิกฤตสังคม วิกฤตธรรมชาติ ที่พูดเพราะเชื่อพระพุทธเจ้า” แม่ชีแช่มจิตกล่าวระหว่างการเสวนา “ ถ้าตราบใดที่ศีลธรรมไม่กลับมาสู่ประชาชน จะเกิดโลกาวินาศ”    “ ควรมีหน้าที่ศีลธรรมในระบบการศึกษา ก็ขอฝากให้ท่านทั้งหลายไปช่วยกันผลักดันให้เกิด ”

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่างานเสวนาซึ่งประกอบด้วยวิทยากรพระสงฆ์และแม่ชีพร้อมทั้งฆราวาสได้ร่วมเสวนา โดยมีพระเทพวิสุทธิกวี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวางแผน มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย  รองเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส และพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ประธานสภาธรรมาธิปไตยผู้อำนวยการสถาบันธรรมะประชาธิปไตย เจ้าอาวาสวัดตะล่อม ร่วมเป็นพระวิทยากรช่วงเช้า กล่าวถึงการสนับสนุนบทบาทสตรีต่อพระพุทธศาสนาในทัศนะที่ต่างกัน พระสงฆ์ส่วนหนึ่งไม่สนับสนุนการมีภิกษุณีในประเทศไทยในขณะที่อีกส่วนหนึ่งให้การสนับสนุน   
 


           ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระเทพวิสุทธิกวีบรรยายเรื่องประวัติความเป็นมาของแม่ชีห่มผ้าขาวว่าอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านานย้อนรอยไปถึงสมัยพระโสณเถระที่เข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนาในดินแดนแถบสุวรรณภูมิในราวพ.ศ. 235-พ.ศ.236 และได้เสนอในระหว่างเสวนาว่าให้เรียกแม่ชีเป็นภาษาอังกฤษว่า chee ซึ่งต่างจาก nun ในภาษาอังกฤษ
 
         แหล่งข่าวในพระพุทธศาสนากล่าวว่าประเด็นเรื่องการสนับสนุนให้สตรีไทยเป็นภิกษุณีในนิกายเถรวาทและการสนับสนุนให้สตรีไทยเป็นแม่ชีมีสาระแตกต่างกัน ปัจจุบันภิกษุณีไทยมีการรวมตัวกันอยู่เฉพาะกลุ่มและส่วนใหญ่เป็นสตรีที่มีภูมิหลังการศึกษาทางโลกสูง และมีปริญญาระดับด็อกตอร์ จึงมีการสนับสนุนด้านการเงินจากต่างประเทศมากกว่าแม่ชีไทยที่บวชเรียนทางธรรมมาระยะยาวไม่ต่างจากสามเณร พระเทพวิสุทธิกวีกล่าวว่าการสร้างเอกภาพแม่ชีไทยเป็นเรื่องสำคัญและได้เสนอในที่ประชุมให้มีการวางแนวทางแก้ปัญหาการสร้างเอกภาพของแม่ชีไทยทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนให้ครบทุกด้าน

         “ แม่ชีไปประชุมกับนักบวชสตรีในต่างประเทศ ก็จะได้รับการชักชวนให้บวชเป็นภิกษุณีตลอดเวลา  แต่เราก็พอใจในสถานภาพปัจจุบันของการเป็นแม่ชี ” แม่ชีท่านหนึ่งกล่าว
 
         อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวพระสงฆ์กล่าวว่าในปัจจุบันสถาบันแม่ชีไทยยังไม่ได้การรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยมีสาเหตุมาจากการขาดเอกภาพของแม่ชีด้วยกันเองและปัญหาทางด้านนโนยบายจากกลไกการปกครองต่อการสนับสนุนแม่ชีให้มีบทบาททำงานให้กับสังคม  ถึงแม้ว่าจะมีความพยายามในการผลักดันมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่าได้มีความพยายามจะรับรองสถาบันแม่ชีไทยให้ถูกต้อวตามกฎหมายผ่านมหาวิทยาลัยสงฆ์สองมหาวิทยาลัยคือมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยและมหามกุฎราชวิทยาลัยในรัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธเมื่อปี 2539-2540 แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากรัฐบาลพลเอกชวลิตล่มเสียก่อน

 
 
แม่ชีดร.ประทิน ขวัญอ่อนประธานบริหารสถาบันแม่ชีไทย
ผู้บริหารโรงเรียนธรรมจาริณี
แม่ชีอำไพ ตัณฑ์สมบุญผู้บริหารหลักสูตรมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
 
 
      “ ปัญหาแม่ชีไทย ไม่ต่างจากปัญหาภิกษุณีในประเทศศรีลังกาที่ถูกพระสงฆ์กดไว้ ” พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโรกล่าว ระหว่างการเสวนา โดยได้ประกาศว่าขอสนับสนุนให้มีการบวชภิกษุณีต่อไป พระมหาบุญถึง ชุตินธโรกล่าวว่าพระสงฆ์ยินดีสนับสนุนให้แม่ชีมีที่ทางในการทำงานของตนเองและสามารถทำงานเผยแผ่พระศาสนาได้ไม่น้อยกว่าผู้ชายโดยได้ยกตัวอย่างวีรกษัตรีไทยคือสมเด็จพระศรีสุริโยไทยที่ออกรบแทนพระสวามีเป็นแบบอย่าง  
 
        ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเปิดประเด็นของพระมหาบุญถึงทำให้วงเสวนาเกิดการตื่นตัว และมีการวิพากษ์กันนอกวงเสวนาในหลากหลายประเด็น  ซึ่งเป็นผลให้พระสงฆ์ตัวแทนของมหามกุฎราชวิทยาลัยที่นั่งฟังเสวนาอยู่ในช่วงบ่ายได้เข้ามาแทรกระหว่างการเสวนาให้ยุติการพูดคุยเรื่องภิกษุณีในระหว่างที่มีการถามตอบดำเนินการอภิปรายโดยฆราวาสสตรีตัวแทนกลุ่มสตรีภาวนาแห่งสยาม

          แหล่งข่าวกล่าวว่างานเสวนาครั้งนี้เป็นที่ประชุมของคณาจารย์แม่ชีที่ผ่านการศึกษาจากสภาการศึกษา รวมทั้งอาจารย์แม่ชี 11 ท่านแรกที่ได้รับการสนับสนุนให้เรียนบาลี ปริยัติธรรม และการศึกษาระดับสามัญโดยการสนับสนุนของสมเด็จญาณวโรดมนับแต่ปี 2507 ถือครองเป็นนักบวชมากว่า40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นบุคลากรที่ทรงความรู้และมีประสบการณ์การบริหารงานแม่ชีผ่านระบบการปกครองของพระสงฆ์มานานหลายสิบปี  อย่างไรก็ดีความเห็นของแม่ชีไทยยังแตกต่างกัน ส่วนใหญ่แล้วมิได้ต้องการเรียกร้องให้มีภิกษุณีในประเทศไทย  แต่ต้องการให้สังคมยอมรับบทบาทการทำงานของแม่ชีที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ซึ่งในประเด็นดังกล่าวยังไม่มีข้อสรุปในวงเสวนา

         “ พูดกันตามจริง ทำไมเราจะไม่อยากให้มีภิกษุณี เราก็ต้องการสนับสนุน แม่ชีเป็นเหมือนน้องสาว มีพระสงฆ์เป็นพี่  เราก็คือน้องที่สนับสนุนพี่มาตลอด มาบอกว่าไม่มีภิกษุณีในเถรวาท แล้วดูประเทศเพื่อนบ้านเราสิ”

          แหล่งข่าวแม่ชีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวโดยไม่ประสงค์จะออกชื่อ
 
         “ สมัยที่ต้องเดินทางไปเรียนที่สภาการศึกษาแล้วพักที่วัดชนะสงคราม  เราก็นึกในใจว่าว่าทำไมเราไม่มีที่เรียนกับที่พักที่เดียวกัน เวลากลับมาจากเรียนเราก็กลับมาดูแลพี่เราอีก ทั้งๆที่เรียนหนักเหมือนกัน”  แม่ชีผู้ใหญ่ท่านนี้กล่าว

         งานเสวนาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมสัปดาห์วันแม่ที่สถาบันแม่ชีไทยได้จัดงานปฏิบัติธรรมขึ้น พร้อมกับการเทศน์มหาชาติและการแหล่พระคุณแม่โดยพร้อมทั้งการตอกเสาเข็มฤกษ์โครงการก่อสร้างรัตนปราสาทสถานปฏิบัติธรรมสำหรับสตรีและนักบวชทั้งในและนอกประเทศ เพื่อส่งเสริมให้แม่ชีไทยและนักบวชสตรีรวมทั้งฆราวาสสตรีได้มีโอกาสทำงานให้กับสังคมและศาสนา โดยที่รัตนปราสาทได้เตรียมโครงการรองรับการอบรมเยาวชนและการดูแลผู้สูงอายุไว้ต่อไปในอนาคตพร้อมการเรียนการสอนปริยัติ ปฏิบัติในขั้นสูงสำหรับสตรีผู้หวังบรรลุธรรมอีกด้วย

 

 
คุณแม่อนันตา นาคบุญผู้ริเริ่มโครงการรัตนปราสาท
แม่ชีบุญเรืองหัวหน้าแม่ชีวัดมหาธาตุและแม่ชีดาวฟ้า โพธิปัญญาสองคณะกรรมการบริหารสถาบันฯ
 
 
แม่ชีประทินและแม่ชีแช่มจิตระหว่างนั่งรอการเสวนา
 
 
 
อุบาสิกาตั้งใจฟังเป็นอย่างยิ่ง
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
ภาพข่าวชุดนี้บันทึกขึ้นในวันศุกร์ที่  7 สิงหาคม  ในระหว่างการเสวนา
 

ปฏิวัติสันติ

 
สมัคร ยกเลิก
 
 
Revolutionary Press Agency
Online Journal and News Agency for Peace  :  วารสารและข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
Copyright © 2024 www.rpathailand.com All Rights Reserved.
ทำเว็บ  ออกแบบเว็บ  Web Design  เว็บสำเร็จรูป  เว็บไซต์สำเร็จรูป