ในเมื่อหัวใจของสถาบันพระมหากษัตริย์คือทศพิธราชธรรมและธรรมย่อมสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนเสมอไป ดังนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจึงเป็นสถาบันที่สูงส่งด้วยลักษณะประชาธิปไตย นี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยไม่มีระบอบเผด็จการรุนแรงหรือระบอบเผด็จการฟาสซิสต์
ถ้าเป็นประเทศอื่นเมื่อการปฏิวัติประชาธิปไตยของคณะราษฎรล้มเหลว โดยฝ่ายนิยมเผด็จการขึ้นแทนตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๑ เป็นต้นมา ดังนี้แล้วระบอบเผด็จการนั้นจะต้องเป็นระบอบฟาสซิสต์หรือระบอบเผด็จการรุนแรง ดังตัวอย่างในประเทศจีนและประเทศอื่นๆ เป็นอันมาก
แต่ระบอบเผด็จการของไทยไม่เป็นฟาสซิสต์หรือไม่รุนแรงเหมือนบางประเทศ หากเป็นระบอบเผด็จการธรรมดาๆ ซึ่งสลับกันระหว่างระบอบเผด็จการทหารหรือระบอบเผด็จการรัฐประหารกับระบอบเผด็จการรัฐสภาก็คือระบอบเผด็จการอย่างที่เราๆ ท่านๆ เห็นๆ กันอยู่นี่แหละ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
พระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระปกเกล้าซึ่งเราเคยยกมาครั้งหนึ่งจะตอบปัญหานี้ได้ คือข้อความในพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่านที่ว่า สมบูรณาญาสิทธิ์ของพระเจ้าแผ่นดินยังมีคนนับถือส่วนมากเพราะเคยชินมาแต่ปู่ย่าตายาย แต่สมบูรณาญาสิทธ์ของคณะย่อมไม่มีคนนับถือ มีแต่ต้องทนไปเพราะกลัวอาญา และกลัวรถถังปืนกล... และที่ว่า ผลร้ายของการปกครองแบบ Absolute มิได้เสื่อมคลาย แต่เปลี่ยนตัวเปลี่ยนคณะกันเท่านั้น เสรีภาพกลับน้อยลงไปเสียอีกเพราะต้องระวังจับกุมผู้ไม่พอใจและปิดปากผู้ที่กล่าวร้ายรัฐบาล...
นี่คือสถาบันพระมหากษัตริย์ทำหน้าที่คานอำนาจของคณะเผด็จการไว้ ทำให้คณะเผด็จการไม่สามารถใช้อำนาจเผด็จการได้เต็มเหยียด เพราะแม้แต่สถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ยังมีลักษณะประชาธิปไตยและเมื่อมาอยู่ในระบอบปริมิตาญาสิทธิราชย์ก็ยิ่งมีลักษณะประชาธิปไตย จึงยิ่งมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ในการคานอำนาจเผด็จการ ดังนี้แล้วคณะเผด็จการจะตะบึงตะบันเผด็จการอย่างไม่ลืมหูลืมตาไปได้อย่างไร ต่างกับในต่างประเทศเช่น ตีน เมื่อเกิดระบอบเผด็จการของจอมพลเจียงไคเช็คนั้น ถึงจะเผด็จการรุนแรงเพียงใดก็ไม่เกินไปกว่าสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยกเลิกไปแล้ว เหลือแต่สถาบันเผด็จการของกลุ่มเจียงไคเช็คเพียงสถาบันเดียว ไม่มีใครมาเป็นอุปสรรคต่อเผด็จการของตน
อันที่จริงนักเผด็จการเมืองไทยเมื่อได้อำนาจส่วนมากก็ต้องจะเผด็จการสุดเหวี่ยงกันทั้งนั้น แต่ทำไปไม่ได้ก็เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพลังยิ่งใหญ่และมีลักษณะประชาธิปไตยอย่างสูงคานอยู่ ถ้าภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔๗๕ ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนในประเทศจีนก็จะไม่มีอำนาจใดๆ ทานอำนาจเผด็จการไว้ได้ ก็จะเกิดระบอบเผด็จการแบบรุนแรงขึ้นในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขให้คอมมิวนิสต์ยึดประเทศได้ เช่นเดียวกับที่เป็นมาแล้วในหลายประเทศ
การที่สถาบันพระมหากษัตริย์แสดงบทบาทคานกลุ่มเผด็จการ ทำให้ระบอบเผด็จการในประเทศไทยไม่สามารถเป็นระบอบเผด็จการฟาสซิสต์ หรือระบอบเผด็จการรุนแรง คืออุปการคุณอันยิ่งใหญ่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อประชาธิปไตยในปัจจุบัน
ข้อเท็จจริงนี้ ย่อมซาบซึ้งแก่ประชาชนชาวไทยทั้งหลาย มีแต่นักทำใบปลิวเถื่อนไม่กี่คนเท่านั้นที่มองไม่เห็น เขาจึงเป็นปรปักษ์ต่อมติมหาชนและอยู่โดดเดี่ยวอย่างที่สุด ซึ่งไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากผลิตใบปลิวที่ไร้ผล ฉะนั้นแม้ว่าจะมีเอกสารเถื่อนโจมตีพระมหากษัตริย์ก็ยังไม่สามารถจะกล่าวได้ว่ากระทบกระเทือนความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์จริงๆอย่างไร
ในตอนก่อนๆ กล่าวถึงการปฏิวัติประชาธิปไตยในประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อ ๑๐๐ ปี ก่อนมาถึงปัจจุบัน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงมาจนถึงทหารหนุ่มและประชาชน ให้เห็นว่าการปฏิวัติประชาธิปไตยในประเทศนั้น นอกจากจะไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วยังมีความมุ่งหมายเพื่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีความห่วงกังวลกันอยู่เหมือนอย่างในเวลานี้เลยอีกด้วย ส่วนพวกต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นเป็นคนจำนวนน้อยนิดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่มีความรู้ และเป็นปรปักษ์ต่อมติมหาชนเขาจึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากนั่งเขียนใบปลิวเถื่อน และเนื่องจากเขาเป็นพวกผิดพลาดในขบวนการประชาธิปไตย เขาจึงเป็นพวกทำลายขบวนการประชาธิปไตยจากภายใน
นั่นเป็นเรื่องของขบวนการประชาธิปไตย
ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึงอีกขบวนการหนึ่ง ซึ่งผู้คนเป็นอันมากถือกันว่าเป็นขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นคือขบวนการคอมมิวนิสต์
พรรคคอมมิวนิสต์คือพรรคของชนชั้นกรรมาชีพ มีลัทธิมาร์กซ์-ลัทธิเลนินเป็นทฤษฎี และมีลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นอุดมคติ พรรคคอมมิวนิสต์จะต้องมีลักษณะเช่นนี้ ถ้าไม่มีลักษณะเช่นนี้ แม้จะเรียกว่าพรรคคอมมิวนิสต์ก็ไม่ใช่พรรคคอมมิวนิสต์แต่ถ้ามีลักษณะเช่นนี้ ถึงจะใช้ชื่ออย่างอื่นก็เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ มีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นอันมากไม่ได้ชื่อว่าพรรคคอมมิวนิสต์ เช่นใช้ชื่อว่าพรรคแรงงานบ้าง พรรคสังคมนิยมบ้าง พรรคประชาชนปฏิวัติบ้าง แม้แต่พรรคคอมมิวนิสต์ แต่ใช้ชื่อว่า พรรคคอมมิวนิสต์แต่ใช้ชื่อว่า พรรคแรงงานประชาธิปไตยสังคม ต่อมาชื่อว่าพรรคบอลเชวิก (ฝ่ายข้างมาก) หลังการปฏิวัติสังคมนิยมจึงเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคอมมิวนิสต์ เช่นใช้ชื่อว่าพรรคแรงงานบ้าง พรรคสังคมนิยมบ้าง พรรคประชาชนปฏิวัติบ้าง แม้แต่พรรคคอมมิวนิสต์ แต่ใช้ชื่อว่า พรรคแบ่งทรัพย์ พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียตในระยะแรกก็ไม่ได้ชื่อว่า พรรคคอมมิวนิสต์แต่ใช้ชื่อว่า พรรคแรงงานประชาธิปไตยสังคม ต่อมาชื่อว่าพรรคบอลเชวิก (ฝ่ายข้างมาก) หลังการปฏิวัติสังคมนิยมจึงเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคคอมมิวนิสต์
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยใช้ชื่อว่าพรรคคอมมิวนิสต์ แต่เวลานี้มีชาวคอมมิวนิสต์เป็นอันมากเห็นว่ามีความคลาดเคลื่อนทางทฤษฎีจนกลายเป็นพรรคที่ไม่ใช่ของชนชั้นกรรมาชีพ จึงเป็นพรรคคอมมิวนิสต์แต่ชื่อ โดยเนื้อแท้ไม่ได้เป็นพรรคคอมมิวนิสต์เสียแล้ว แต่นี่เป็นเพียงความเห็นของคนบางส่วนโดยทั่วไปยังยอมรับกันว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยเป็นพรรคคอมมิวนิสต์
พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แตกแยกออกเป็นหลายฝ่ายด้วยความแตกต่างในแนวทางรูปธรรมภายใต้แนวทางทั่วไปอันเดียวกัน ฝ่ายต่างๆ ที่แตกแยกกันนี้ช่วงชิงการนำพรรคระหว่างกัน ฉะนั้นพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจึงไม่หมายแต่เฉพาะถึงองค์การนำของพรรคในปัจจุบันเท่านั้น แต่หมายถึงฝ่ายอื่นที่แตกแยก โดยยึดถือแนวทางทั่วไปของพรรคและต้องการให้พรรคแก้ไขแนวทางรูปธรรมตามความเห็นของตนหรือตนเข้าไปนำพรรคแทนองค์การนำปัจจุบันหลายฝ่ายรวมกันภายใต้แนวทางทั่วไปอันเดียวกันแต่แตกแยกกันด้วยความแตกต่างในแนวทางรูปธรรมดังนี้ คือ พคท.ปัจจุบัน คือสารสำคัญของขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยในปัจจุบัน
แต่ฝ่ายการปกครองในประเทศไทย ไม่ได้ถือเอาขบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยตามความเป็นจริง แต่ตั้งขบวนการคอมมิวนิสต์ขึ้นเอง และทำการต่อต้านคอมมิวนิสต์นั้นตั้งแต่ยังไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
เดิมที ฝ่ายปกครองก็ถือเอาขบวนการคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริง และต่อต้านคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริงเหมือนกัน นั่นคือการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในปลายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในขณะที่พวกมาร์กซิสต์ในเมืองไทยเริ่มก่อหวอด โดยได้จับกุมบุคคลเหล่านั้นไปดำเนินคดีการต่อต้านคอมมิวนิสต์ในครั้งนั้นเป็นการต่อต้านพวกมาร์กซิสต์ ซึ่งเป็นการถือเอาคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริง
แต่เมื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ แล้วยกเลิกการถือเอาคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริงแต่ได้ตั้งคอมมิวนิสต์ขึ้นใหม่ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับลัทธิมาร์กซ์-ลัทธิเลนินแม้แต่น้อย
คอมมิวนิสต์ที่ตั้งขึ้นใหม่นี้คือ คอมมิวนิสต์ตามกฎหมายว่าด้วยคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๗๖ ซึ่งมีนิยามคอมมิวนิสต์ ดังนี้
๑) คอมมิวนิสต์ หมายความว่า วิธีหรือหลักการทางเศรษฐกิจซึ่งประกอบด้วยการเลิกล้างเสียทั้งหมดหรือแต่บางส่วน ซึ่งกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของเอกชน โดยให้ประเทศหรือประชาชนร่วมกันเข้าเป็นเจ้าของ
๒) ลัทธิคอมมิวนิสต์ หมายความว่า ลัทธิใดๆ ซึ่งบ่งถึงการสนับสนุนส่งเสริมการรวมกรรมสิทธิ์ที่ดิน หรือรวมการอุตสาหกรรม หรือรวมทุนหรือรวมแรงงาน เข้าเป็นของรัฐ
นี่คือคอมมิวนิสต์ที่รัฐบาลหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งขึ้นใหม่และตั้งขึ้นเองตามชอบใจโดยไม่ได้สนใจต่อคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริงแต่อย่างใด เพราะเป็นคนละเรื่องกับคอมมิวนิสต์ที่เคยจับกุมในปลายสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
ครั้นถึง พ.ศ. ๒๔๙๕ รัฐบาลได้ตั้งคอมมิวนิสต์ขึ้นใหม่อีกชนิดหนึ่งโดยมุ่งไปสู่การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์เป็นสำคัญ ต่างกับชนิดก่อนที่มุ่งไปสู่คอมมิวนิสต์และลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นสำคัญ
การกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ ตามพ.ร.บ. ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้แก่
(ก) เลิกล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
(ข) การเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจของประเทศ อันทำให้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือปัจจัยในการผลิตของเอกชน ตกเป็นของรัฐโดยวิธีอื่นใดอันมิได้มีการชดใช้ค่าทดแทนอันเป็นธรรมหรือ
(ค) การบังคับด้วยการขู่เข็ญทำให้เกิดความหวาดกลัวก็ดี การก่อวินาศกรรมก็ดี หรือการใช้อุบายด้วยประการใดๆ เช่น ยุยงให้มีความเกลียดชังระหว่างประชาชน ทั้งนี้ถ้ากระทำด้วยความมุ่งหมายที่จะให้มีการยอมรับเอา ช่วยเหลือ สนับสนุน หรือบรรลุซึ่งวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ใน (ก) หรือ (ข) จากมาตรา ๓
ต่อมาเมื่อแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายนี้ในปี ๒๕๑๒ ได้เพิ่มเติมการกระทำอันเป้นคอมมิวนิสต์ลงไปอีกมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองทั้งสิ้น ไม่ใช่คอมมิวนิสต์เอาตามความเป็นจริง ไม่ใช่พคท.
ในบรรดาลักษณะมากหลายของคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองนี้ ลักษณะเด่นที่สุดคือ เลิกล้มการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นลักษณะประการแรกของการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ในพ.ร.บ. ป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ และในปัจจุบันลักษณะนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองคือ ถ้าชี้ว่าใครเป็นคอมมิวนิสต์ ก็หมายความว่าผู้นั้นจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ และถ้ากล่าวหาว่าใครจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้นั้นก็เป็นคอมมิวนิสต์
เมื่อเป็นดังนี้ คอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเอง โดยเฉพาะในลักษณะที่ว่าจะเลิกล้มสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นจึงไม่มีตัวตน เพราะว่าด้านหนึ่งคอมมิวนิสต์ที่ตั้งเอาเองนี้ไม่ใช่ขบวนการคอมมิวนิสต์ตามความเป็นจริงหรือที่มีอยู่จริง