Revolutionary Press Agency : Online Journal and News Agency for Peace
สำนักสื่อปฏิวัติ  : วารสารข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
8 มิ.ย. 2554 กองหน้าประชาชนรุ่นใหม่ อนุสรณ์ สมอ่อน ตอบคำถามคาใจทำไมต้องปฏิวัติประชาธิปไตย? 

จะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคงได้อย่างไร?
เขียนโดย ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร  โพสเมื่อ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ๑๒.๔๐ น.
        
   
                                                - ตอน ๑๖ -
 
 
          และในการประชุมสัมมนาของศูนย์กลางของขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติที่โรงแรมรอแยลเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม (2524) มีรายงานศึกษาในหัวข้อว่า “  การปฏิวัติประชาธิปไตย ฐานความมั่นคงแห่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ” ซึ่งสรุปว่าการที่จะรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มีความมั่นคงนั้นมีแต่ทางเดียว คือการทำการปฏิวัติประชาธิปไตยให้สำเร็จ ฉะนั้นใครก็ตามที่ดำเนินการเพื่อความสำเร็จของการปฏิวัติประชาธิปไตย เขาเป็นผู้ดำเนินการเพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
           
         พรรคปวงชนชาวไทย เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งของขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทย ได้กำหนดอุดมคติของพรรคไว้ในข้อ 1) ดังนี้ พรรคปวงชนชาวไทยยึดมั่นในอุดมการณ์ของชาติ คือสร้างสังคมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐให้สมบูรณ์และสถาพรบนรากฐานของลัทธิประชาธิปไตย
       
          จากตัวอย่างเพียงเล็กน้อยที่ยกมาพอจะเห็นได้แล้วว่า ในเมื่อภารกิจแห่งการปฏิวัติประชาธิปไตยได้มาตกแก่มวลประชาชนทั่วชาติ การปฏิวัติประชาธิปไตยก็ไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งยังจะรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้มั่นคง เช่นเดียวกับการปฏิวัติประชาธิปไตยที่กระทำโดยพระมหากษัตริย์ เจ้านาย ขุนนางผู้ใหญ่ ข้าราชการระดับล่างและพ่อค้าประชาชนมาจนถึงทหารหนุ่ม ดังที่กล่าวมาแล้วเช่นเดียวกัน

          จากที่กล่าวมาแล้วในตอนก่อน ๆ จะเห็นว่าภายในขบวนการประชาธิปไตยซึ่งเป็นขบวนการที่มีความมุ่งหมายจะทำการปฏิวัติประชาธิปไตยนั้น   ไม่มีบุคคลใดคิดจะทำลายความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์   ตรงกันข้ามบุคคลเหล่านั้นตั้งแต่พระมหากษัตริย์ลงจนถึงทหารหนุ่มซึ่งคิดหรือดำเนินการปฏิวัติประชาธิปไตยนั้น    ล้วนแต่ต้องการจะรักษาความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งสิ้น
 
           แต่จะไม่มีสักคนเลยหรือที่คิดจะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์

           ขบวนการประชาธิปไตยในประเทศไทยเป็นขบวนการที่กว้างใหญ่ไพศาลที่สุด  ในบรรดาขบวนการทั้งหลายในประเทศไทย   เพราะแนวโน้มแห่งพัฒนาการของประเทศไทยเป็นแนวโน้มทางประชาธิปไตย  จึงทำให้ความต้องการของประชาชนชาวไทยฝ่ายข้างมากที่สุดเป็นความต้องการระบอบประชาธิปไตย
          
         ในขบวนการซึ่งประกอบด้วยผู้คนจำนวนมากมายมหาศาลเช่นนี้ย่อมจะมีคนบางคนที่มีความคิดไขว้เขวออกนอกลู่นอกทาง   ด้วยความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือมีอุปนิสัยหัวรุนแรง  ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นพวกประชาธิปไตยซ้ายจัดก็ได้    แต่คนเหล่านี้มีจำนวนน้อยที่สุดในขบวนการประชาธิปไตย จึงไม่สามารถจะชักจูงขบวนการประชาธิปไตยให้ไขว้เขวออกนอกลู่นอกทางไปตามทรรศนะของตนได้   และความจริงแล้วคนจำนวนน้อยนิดหยิบมือเดียว   ซึ่งมีทรรศนะขัดกับมวลชนอันกว้างใหญ่ไพศาลจะไม่สามารถทำอะไรได้   นอกจากนั่งเขียนใบปลิวไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง    ดังประกาศแจ้งความในหนังสือพิมพ์  “ มติชน “  ฉบับวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ มีข้อความว่า

            ปรากฏว่ามีเอกสารใต้ดินทั้งในรูปของเอกสารโรเนียวและเป็นหนังสือเล่มโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมาชิกในครอบครัวของในหลวงออกเผยแพร่อยู่เสมอ   ได้ความว่ามีแหล่งผลิตทั้งในประเทศและนอกประเทศดูคล้ายกับว่ามีขบวนการต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์อันกว้างใหญ่      แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องของคนเพียงไม่กี่คนและการทำใบปลิวใต้ดินนั้น  ใครๆก็ทำได้   เพราะทำไม่ยากเพียงสองคนก็ทำได้   แต่ไม่มีผลประการใด  เพราะใบปลิวนั้นขัดกับมติมหาชนชาวไทยโดยสิ้นเชิง  จึงไม่ควรถือว่าเป็นสิ่งมีสาระ  โดยเฉพาะไม่ควรวิตกกังวลว่าการกระทำเช่นนั้นหมายถึงว่าความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ตกอยู่ในอันตรายแล้ว   แต่ก็ควรป้องกันและขจัดการกระทำเช่นนั้นเสีย   การประกาศให้สินบนก็เป็นวิธีหนึ่งของการป้องกันและแก้ไข     แต่วิธีที่สำคัญที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดคือ  บรรดาผู้ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องส่งเสริมอย่างถูกต้องเพื่อมิให้การส่งเสริมกลายเป็นการทำลายโดยไม่รู้ตัว  หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือด้วยเหตุใดๆก็ตาม 
  
           บุคคลใดที่ทำใบปลิวต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น   ถ้าเป็นคอมมิวนิสต์ก็แล้วไป    แต่ถ้าเขาไม่เป็นคอมมิวนิสต์เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการประชาธิปไตยแต่เป็นส่วนที่ไม่เพียงแต่จะผิดพลาดอย่างร้ายแรงเท่านั้นหากยังเป็นพวกที่ทำลายขบวนการประชาธิปไตยจากภายในอีกด้วย   ซึ่งเมื่อกล่าวถึงที่สุดแล้ว  ต้องถือว่าพวกเขาเป็นปรปักษ์ต่อขบวนการประชาธิปไตย
         
          เพราะว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยเป็นเครื่องส่งเสริมประชาธิปไตย  ใครเป็นปรปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จึงกลายเป็นปรปักษ์ต่อขบวนการประชาธิปไตย
 

 

                    
                                                                                                       
             
 
                                                                    - ตอน ๑๗ -
 
             ที่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยเป็นเครื่องส่งเสริมประชาธิปไตยนั้น   พิจารณาทั้งจากด้านสถาบันและด้านบุคคล  ในด้านบุคคลนั้นพระมหากษัตริย์ของไทยแม้ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ก็ทรงมีลักษณะประชาธิปไตยอันสูงส่ง    แม้บางพระองค์จะเป็นที่เลื่องลือว่าดุร้ายจนทรงได้รับพระนามว่า “พระพุทธเจ้าเสือ ”  ก็ยังมีเรื่องเล่าว่าครั้งหนึ่งขณะเสด็จประพาสโดยชลมารคเพื่อทรงเบ็ด   มหาดเล็กนั่งหมอบอยู่  ณ เบื้องพระยุคลบาท   ฝีพายพูดกันว่าเจ้าหมอนั่นประจบในหลวงเก่ง   จึงนั่งสบายไม่ต้องพายเรือให้เบื่อเหมือนพวกเรา  ฝีพายชวนนินทาในหลวงเช่นนี้ด้วยนึกว่าจะไม่ทรงได้ยิน    แต่ในหลวงประทับอยู่กลางลำเรือ   กระแสลมพาเสียงนินทามาเข้าพระกรรณจึงทรงได้ยินอย่างละเอียด   ครั้นเรือพระที่นั่งมาถึงศาลาท่าน้ำวัดแห่งหนึ่ง   โปรดเกล้าฯให้จอดเรือ  จึงรับสั่งให้ฝีพายคนที่นินทาพระองค์ขึ้นไปดูว่าเป็นเสียงอะไร   ฝีพายคนนั้นวิ่งขึ้นไปมองดูที่ใต้ถุนศาลาการเปรียญแล้วก็วิ่งกลับมากราบทูลว่า  ลูกสุนัขพระพุทธเจ้าข้า    รับสั่งว่ากี่ตัว   ฝีพายวิ่งกลับไปมองดูอีก   แล้วก็วิ่งกลับมากราบทูลว่า  สี่ตัวพระพุทธเจ้าข้า   รับสั่งถามอีกว่า   ตัวผู้กี่ตัว   ตัวเมียกี่ตัว ฝีพายวิ่งกลับไปมองดูอีก  แล้วกลับมากราบทูลอีกว่า  ตัวผู้สองตัวเมียสองตัว พระพุทธเจ้าข้า   รับสั่งถามอีกว่า  ตัวผู้สีอะไร  ตัวเมียสีอะไร  ฝีพายวิ่งไปดูแล้วกลับมากราบทูลว่า  ตัวผู้สีดำตัวเมียสีขาวพระพุทธเจ้าข้า
 
          ครั้นแล้วรับสั่งให้คนที่หมอบเฝ้าวิ่งไปดูบ้างว่ามันเป็นเสียงอะไร  ผู้ที่หมอบเฝ้าวิ่งไปดูแล้วกลับมากราบทูลอย่างรวดเร็วว่า ลูกสุนัขพระเจ้าข้า ๔ ตัวพระเจ้าข้า ตัวผู้  ๒  ตัวเมีย ๒ ตัว ตัวผู้มีสำดำ ตัวเมียมีสีขาว

          สมเด็จพระพุทธเจ้าเสือจึงรับสั่งแก่ฝีพายที่นินทาพระองค์ว่า  มึงเหมาะสมเป็นฝีพายต่อไปและเจ้านี่เหมาะสำหรับนั่งหมอบเฝ้ากู
 
          ฝีพายทั้งหลายเห็นชอบทุกประการว่านายคนนั้นควรนั่งหมอบเฝ้าในหลวง  ในหลวงโปรดฯ ไม่ใช่เพราะเขาประจบสอพลอเก่งแต่เพราะเขามีสติปัญญา  พวกตนควรออกแรงเป็นฝีพายต่อไป
 
          นี่คือลักษณะประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าเสือ  ซึ่งทั้งๆ ที่มีพระราชอำนาจเป็นที่ล้นพ้นแต่ก็ทรงฟังเสียงนินทาอย่างผิดๆได้  และปล่อยให้ข้อเท็จจริงพิสูจน์คนทุกคนให้ยอมรับในความถูกต้องของพระองค์  ต่างกับผู้อ้างว่าส่งเสริมประชาธิปไตยสมัยนี้เพียงแต่ใหญ่มาสักหน่อยเท่านั้นก็จะฟังแต่คำสรรเสริญ ใครวิจารณ์หาว่าเจตนาร้ายไปเลย
 
          เรื่องประชาธิปไตยของพระพุทธเจ้าเสือ   นอกจากที่ยกมานั้นยังมีอีกมากมายเช่นการเสด็จปลอมตัวไปชกมวยกับชาวบ้าน   และที่โด่งดังที่สุดคือเรื่องพันท้ายนรสิงห์  ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปอยู่แล้ว
 
         แม้แต่พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงได้ราชสมัญญาว่า “ เสือ “ ยังทรงมีลักษณะประชาธิปไตยถึงเพียงนั้น  ยิ่งพระมหากษัตริย์ซึ่งได้ราชสมัญญาว่า “ พระ ” จะทรงมีลักษณะประชาธิปไตยสักเพียงไหน  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ  ทรงผนวชนานถึง ๒๐ กว่าพระพรรษา  ทรงเชี่ยวชาญ  ทั้งฝ่ายคันถธุระและวิปัสสนาธุระ  ทรงเป็นสมภารและเสด็จออกธุดงค์ไปถึงเมืองสุโขทัย  สามารถยืนยันได้ว่า  ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดในโลกที่จะทรงเข้าถึงธรรมของพระศาสนาเสมอด้วยรัชกาลที่ ๔ ของเรา  จึงไม่ต้องพูดถึงว่าพระองค์ท่านจะสมบูรณ์ด้วยลักษณะประชาธิปไตยเพียงไร   เพราะประชาธิปไตยก็คือ ธรรมาธิปไตย นั่นเอง  อย่างน้อยที่สุดจะเห็นได้จากประกาศพระบรมราชโองการฉบับหนึ่งอันเนื่องด้วยพ่อค้าคหบดีหวนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาขึ้นเป็นครั้งแรก    น้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระองค์ท่าน ประกาศพระบรมราชโองการมีความว่าให้ราษฎรตกแต่งอาคารบ้านเรือน  ตามประทีปโคมไฟ  แต่ไม่เป็นการบังคับ ให้ทำตามสมัครใจ  ใครเกียจคร้านไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ  ใครยากจนไม่มีเงินซื้อน้ำมันใส่ตะเกียงก็ไม่ต้องทำ  ดังนี้เป็นต้น
 
         อันพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตริย์ไทยซึ่งแสดงถึงลักษณะประชาธิปไตย   โดยเฉพาะในพระราชวงศ์จักรีนี้  มีเป็นอเนกอนันต์เหลือที่จะพรรณนาได้   แต่ที่เว้นจะกล่าวเสียมิได้คือ   พระราชปณิธานที่จะทำการปฏิวัติประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  การที่ทรงทำการปฏิวัติประชาธิปไตยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและในท่ามกลางเสียงเรียกร้องรัฐธรรมนูญดังสนั่นไปทั่วสารทิศในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันกลับทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะรัฐมนตรี  ชุดนายสัญญา ธรรมศักดิ์  ในวันเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่  เมื่อวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ ว่า “ ต้องทำหน้าที่ให้บรรลุผลตามจุดประสงค์ให้การปกครองประเทศเข้าสู่สภาพปกติให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสภาพของประเทศชาติ ” 
 
         ถ้าต้องการประชาธิปไตย จะต้องเรียกร้องประชาธิปไตย   แต่การเคลื่อนไหว ๑๔ ตุลาคม  กลับเรียกร้องรัฐธรรมนูญ  จึงได้รัฐธรรมนูญตามที่เรียกร้อง  แต่ไม่ได้ประชาธิปไตยตามที่ต้องการ
 
         นอกจากทรงเรียกร้องให้มีการปกครองแบบประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสภาพของประเทศชาติ  ซึ่งเป็นการแสดงออกที่สำคัญที่สุดของประชาธิปไตยแล้ว  พระองค์ท่านยังทรงเข้าถึงประชาชน  ชนิดที่แม้แต่ส.ส. ซึ่งมีหน้าที่เข้าถึงประชาชนโดยตรงอยู่แล้ว  ก็ไม่สามารถจะทำได้เช่นนั้น   ก็เพราะการเข้าถึงประชาชนของพระองค์ท่านเป็นไปตามพระราชดำรัสเมื่อวันเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติว่า “ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม  เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “
 
         ที่กล่าวมานี้ คือโดยย่อที่สุดของลักษณะประชาธิปไตยของพระมหากษัตริย์ไทยในด้านบุคคล  ส่วนพระมหากษัตริย์ในด้านสถาบันนั้น มีลักษณะประชาธิปไตยที่สูงส่งกว่านั้น   ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์หัวใจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์  สถาบันพระมหากษัตริย์มีทศพิธราชธรรมเป็นรัฐธรรมนูญอบู่แล้ว   เมื่อองค์พระมหากษัตริย์ทรงมีลักษณะประชาธิปไตยอย่างสูงอยู่ด้วย  จึงทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยทั้งในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์และในระบอบปริมิตาญาสิทธิราชย์เป็นสถาบันแห่งธรรม (Righteousness)  และธรรมย่อมสอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชนเสมอไป  ระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่ถือประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่  จึงต้องเป็นระบอบที่เป็นธรรม  หรือเป็นระบอบที่ถือธรรมเป็นใหญ่  ฉะนั้นประชาธิปไตยคือ ธรรมาธิปไตย ไม่ใช่โลกาธิปไตยตามที่นักวิชาการบางคนยึดถือ  โลกาธิปไตยคือเสียงข้างมากเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชน
 
 
 
 
             
             (อ่านต่อตอนหน้า)
 
 
 
 
          อ่านย้อนหลัง...
 
 
 

ปฏิวัติสันติ

 
สมัคร ยกเลิก
 
 
Revolutionary Press Agency
Online Journal and News Agency for Peace  :  วารสารและข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
Copyright © 2024 www.rpathailand.com All Rights Reserved.
ทำเว็บ  ออกแบบเว็บ  Web Design  เว็บสำเร็จรูป  เว็บไซต์สำเร็จรูป