Print this page
 

 

 
Tell a friend
 
 
 
 
 
1. นวด...ลดอายุ
การนวด เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อได้วิเศษที่สุด สามารถทำได้ในทุกที่และใช้เวลาไม่นาน เพียงเจียดเวลาแค่ 20-30 นาทีคุณก็สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ง่ายๆ การนวดนั้นสามารถทำกับร่างกายได้ทุกส่วน “ หน้า” ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ดูแลด้วยการนวดได้ โดยจะช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ไม่หย่อนยาน ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ชะลอความแก่ได้
 
วิธีการนวดหน้า
ก่อนอื่นต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้เกลี้ยงเกลา จากนั้นทาครีมหรือโลชั่นที่ปลายนิ้วให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้นิ้วที่นวดคลึงในแต่ละแห่งไปทำลายผิวหนังขณะที่ถูกรั้งไป ควรนวดเป็นจังหวะสม่ำเสมอตามแนวโค้งขึ้นเพื่อแก้ความตกหย่อนของผิวหนังและกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บนใบหน้า
 
คอและคาง ควรเริ่มต้นนวดจากตรงนี้ก่อนส่วนอื่นเพราะจะช่วยกระตุ้นโลหิตให้ซ่านขึ้นสู่ใบหน้า โดยวางมือซ้ายบนปุ่มกระดูกไหปลาร้าด้านขวา แล้วลากมือเฉียงผ่านลำคอขึ้นไปข้างๆ ใบหน้าจนถึงหูซ้าย ทำซ้ำด้วยมือขวา โดยวางมือขวาทับกระดูกไหปลาร้าข้างซ้ายกระดูกขากรรไกร ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางในแต่ละมือนวดแนวกระดูกขากรรไกร ซึ่งไม่ช้าไม่นานก็จะถูกรั้งห้อยลงมาสองข้างมุมปาก
  
แก้ม ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลาง นวดจากข้างจมูกขึ้นไปที่มุมกระดูกโหนกแก้ม ระวังอย่าลากรั้งผิวหนังใกล้ตา การนวดแบบนี้จะช่วยชะลอไม่ให้แก้มห้อยเร็ว
  
ปาก ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางนวดวนไปรอบๆ ริมฝีปาก โดยนวดวนมาทางซ้ายก่อนแล้วนวดวนกลับมาทางขวาบ้างสลับกันไป จะช่วยให้ริมฝีปากเต่งตึงคงรูปเดิม
  
หน้าผาก ครั้งแรกใช้อุ้งมือนวดขึ้นไปจากดั้งจมูกตรงหว่างคิ้วเป็นเส้นโค้ง จนถึงเชิงผมด้านหน้าและนวดออกมาจากแนวกึ่งกลาง โค้งวนไปสองข้างหน้าผาก จากนั้นใช้ปลายนิ้ว 3 นิ้วนวดอีกครั้ง วิธีนี้จะเป็นการช่วยรีดรอยย่นหน้าผากให้จางหายไป
  
ตา ใช้นิ้วชี้หรือนิ้วกลางนวดเบาๆ รอบดวงตา โดยต้องมีครีมรองนิ้วด้วยเพื่อให้ลื่นง่าย ไม่รั้งหนังเปลือกตา จบด้วยการหมุนวงกลมเล็กๆ เป็นการนวดเน้นที่หางตา เพื่อช่วยรักษาไม่ให้เกิดรอยตีนกาเมื่ออายุมากขึ้น ทำรอบดวงตาทั้งสองข้างด้วยน้ำหนักปลายนิ้วเท่ากัน
  
จมูกถึงหู เริ่มต้นด้วยการวางปลายนิ้วพักลงบนจมูก ลากเบาๆ ผ่านใบหน้ามาตามขวางทั้งสองมือพร้อมกันจากแก้มจนจดใบหู ทำซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง (แต่อย่าทวนศรไปมา) จะช่วยให้แก้มตึงไม่หย่อน และบรรเทาความเครียดของใบหน้าด้วย
 
  
2. ข้อควรระวังหลังนวดหน้า
ผู้หญิงส่วนใหญ่คงจะเคยผ่านการนวดหน้ามาแล้วอย่างน้อยก็หนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งในขั้นตอนการนวดก็ต้องมีเครื่องสำอางหรือสมุนไพร ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อให้เลือกมากมาย ซึ่งถ้าเราต้องการให้ใบหน้านุ่มก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นครีมน้ำนมหรือโลชั่น เพราะน้ำที่อยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์จะซึมเข้าสู่เซลล์ของผิวพรรณ ทำให้เซลล์เต่งตัวขึ้นหรือพองขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่งถึงสองวัน การพองตัวของเซลล์ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าดูอิ่มเอิบ แต่ไม่ถาวร เมื่อส่วนน้ำออกจากเซลล์ก็จะกลับสู่สภาพผิวเดิม ถ้าต้องการให้ใบหน้าขาวขึ้น ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีตัวยาหน้าขาว ได้แก่ Nicotinamide, Abutin, Licorice, Kojic ตัวใดตัวหนึ่งผสมอยู่ด้วย ถ้าต้องการชะลอความแก่ของผิวก็ต้องใช้ที่มีส่วนผสมของ Q10 แต่อย่าลืมนะว่า สารเคมีดังกล่าวมีราคาแพง และใช้ผสมปริมาณน้อยมากในผลิตภัณฑ์ต่างๆ เมื่อนวดและทาลงบนผิวพรรณ จะดูดซึมลงไปออกฤทธิ์สักแค่ไหน คงบอกไม่ได้แน่นอน
 
อย่าลืมว่าผลิตภัณฑ์ที่ทำออกมาขายต้องแต่งกลิ่น แต่งสีลงไป เพื่อความหอมและน่าใช้ ซึ่งสารเคมีเหล่านี้มีหลายตัวที่ส่งผลให้ผิวดำคล้ำในระยะยาว หรือปรากฏเป็นฝ้าบนใบหน้าได้ในรายที่แพ้โดยกลไกการเกิดสีดำนั้น เกิดจากกลิ่นหอมซึมเข้าสู่เซลล์ผิวพรรณและเมื่อถูกแสงแดด จึงผลิตสีน้ำตาลหรือดำขึ้นบนใบหน้า ตรงที่ถูกแสงแดดมาก ตั้งแต่เหนือคิ้ว โหนกแก้ม หนวด ส่วนจะเป็นมากหรือน้อยขึ้นกับความต้านทานของผิวพรรณของแต่ละคน จะหายหรือไม่ขึ้นกับระยะเวลาที่เป็นและลักษณะผิวของคนนั้น
  
ผลกระทบหลังการนวดหน้ามีหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่
  
1. แพ้เครื่องสำอาง
อาจเกิดขึ้นเร็วภายใน 24 ชั่วโมงแรก ถ้าอาการรุนแรงอาจเกิดผื่นแดงบนใบหน้า ไม่ควรฟอกสบู่หรือเช็ดแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง ถึงขั้นสะเก็ดลอกและมีน้ำเหลืองไหล หน้าบวมหนังตาบวมปิดลืมตาลำบาก ขี้ตาไหล การแก้ไขเบื้องต้นควรใช้ผ้าขนหนูนิ่มๆ ชุบน้ำสะอาด ประคบบริเวณที่มีอาการ ทุก 2-3 ชั่วโมง โดยประคบครั้งละ 10-15 นาที จะช่วยลดอาการน้ำเหลืองไหล ลดอาการคันและใบหน้าที่บวมจะยุบลงได้เร็ว แล้วรีบไปพบแพทย์โดยด่วนเพราะถ้าไม่ดูแลให้ถูกวิธี การอักเสบบนใบหน้าเมื่อหายแล้วอาจทำให้หน้าดำคล้ำหรือมีแผลเป็น
  
2. สิว
มักจะเกิดหลังนวดหน้าแล้ว 3-7 วัน จากการอุดตันของครีมที่ทาบนใบหน้า โดยจะเป็นเม็ดสิวขนาดไล่เลี่ยกันกระจายทั่วใบหน้า โดยจะขึ้นพร้อมๆ กันและมีลักษณะเหมือนกัน เช่น เป็นสิวหนอง หรือสิวอักเสบทุกเม็ด จะรูสึกเจ็บและตึงเล็กน้อย แต่รักษาให้หายได้อย่างรวดเร็ว
  
3. ฝ้า
กว่าจะแสดงอาการก็หลังจากผ่านการนวดหน้าไปหลายเดือนแล้ว จนเราอาจจำไม่ได้ว่าเป็นผลจากการนวดหน้าหรือเปล่า มักพบบริเวณเหนือคิ้วและเหนือริมฝีปาก รักษายาก แต่ก็มียารักษาผลิตออกมามากมายในท้องตลาด
  
4. หน้าด่าง
มักเกิดกับคนที่มีผิวไวซึ่งใช้ครีมที่มีคุณสมบัติทำให้หน้าขาว โดยจะเห็นรอยด่างเป็นดวงขาวกระจายทั่วใบหน้า จะแสดงอาการก็เมื่อหลังใช้ผลิตภัณฑ์ไปแล้วแรมเดือน ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องก็จะหายได้
 
  
3. ชีวจิตพิชิตสิว
สิว ดูเม็ดเล็กๆ อย่างนี้ แต่มักจะเป็นปัญหาใหญ่กวนใจสาวๆ ทุกคนมาตลอด หลายคนเสียเงินเสียทองไปมากมายกับการรักษา บางคนใช้สารพัดวิธีก็ยังไม่หาย วันนี้ลองมารู้จักวิธีง่ายๆ กับการรักษาสิวด้วยตัวเองแบบชีวจิตกันดู
 
ปรับนิสัยการทานอาหาร หลีกเลี่ยงการทานแป้งข้าวและของหวานที่ทำจากน้ำตาลทรายขาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช็อกโกแลต รวมทั้งอาหารประเภทมันๆ และของทอดทั้งหลาย ควรหันมาทานผักและผลไม้ให้มาก เพราะมีวิตามินซี วิตามินอี เบตาแคโรทีน แร่ธาตุโคเมียม และคลอโรฟิลล์ เพื่อช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย และเลือกรับประทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี ได้แก่ ข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท อาหารทะเล เป็นต้น เพื่อช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อของสิว นอกจากนี้ยังทำให้แผลเป็นหายเร็วขึ้น ด้วยการสร้างเนื้อเยื่อใหม่แทนเซลล์ผิวหนังที่เสียไป
  
ใช้ดีท็อกซ์ช่อยกำจัดท็อกซิน เพราะการเป็นสิว ย่อมแสดงว่าร่างกายในช่วยนั้นมีเจ้า ท็อกซินหรือพิษเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้น การทำดีท็อกซ์ตามหลักชีวจิต เพื่อช่วยขจัดพิษใน ร่างกาย หลังจากทำดีท็อกซ์เสร็จ ก็เข้าห้องอบไอน้ำ หรือ ซาวน่า เพื่อขับพิษออกทาง ผิวหนังได้อีกทางหนึ่ง
  
ดื่มน้ำสมุนไพรที่ไม่มีน้ำตาล เช่น ลูกใต้ใบ มะตูม หรืออื่นๆ ตามตำราชีวจิต เพราะน้ำจะเป็นตัวพาของเสียสิ่งสกปรกออกไป และจะได้ประโยชน์จากสมุนไพรแต่ละชนิดอีกด้วย
  
ออกกำลังกายจนเหงื่อออก ช่วยให้เลือดหมุนเวียนดี และทำให้ต่อมไขมันเปิดและพาหัวสิวให้ละลายง่าย ไม่เกิดสิว แต่ที่สำคัญอย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย
  
ทำจิตใจให้สงบ มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใส ความผ่อนคลายนี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง รวมทั้งทำให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
 
  
4. สิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับใบหน้า
การดูแลให้หน้าสะอาดและเกลี้ยงเกลาอยู่เสมอนั้น อาจไม่เพียงพอในการรักษาผิวหน้าดีๆให้คงอยู่กับคุณตลอดไป ถ้าไม่รู้จักระวังสิ่งที่บั่นทอนความขาวใสของใบหน้าดังต่อไปนี้
 
1. แสงแดดและแสงไฟที่สว่างจ้า
เนื่องจากแสงแดดและแสงไฟสว่างจ้ามีคุณสมบัติกระตุ้นเซลล์สร้างสีดำ ทำให้เม็ดสีดำเพิ่มขึ้นและกระจายสู่หนังกำพร้า จึงทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ ถ้าจำเป็นต้องเดินกลางแดดควรหาวิธีป้องกัน เช่น กางร่ม ใครที่ทำงานกลางแดดควรใช้ผ้าคลุมใบหน้า เปิดเฉพาะดวงตา การใช้ครีมกันแดดก็สามารถช่วยได้เยอะ ซึ่งโดยทั่วไปควรเลือกที่มี SPF 20-35 ขึ้นไป (คือกันแดดได้ 20-35 เท่าเมื่อเทียบกับไม่ได้ทา) และควรเลือกแบบที่กันได้ทั้งแสง UVA และ UVB โดยมีส่วนประกอบของ benaophenone, Zno, titanium dioxide, vinnamate เมื่อซื้อควรตรวจสอบฉลากว่ามีสารดังกล่าวอยู่ด้วย
 
2. ยาคุมกำเนิดในวัยเจริญพันธุ์ และยาฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง
เนื่องจากยาดังกล่าวมีส่วนผสมของ เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้มีการสร้างสีดำขึ้นที่ผิวพรรณ จึงปรากฏเป็นฝ้าขึ้นที่บริเวณหน้าผาก โหนกแก้ม สีดำจะแผ่กว้างออกเรื่อยๆ ถ้ายังรับประทานยาต่อเนื่อง อาการฝ้าจากยาดังกล่าวมิได้เกิดทุกคนเสมอไป
 
 
 Dermatologist Thailand, Beauty Clinic Thailand