ยิ้มกับปัญหา
คุณสมฤดี ศรีจรรยา

 
“ใครก็ตามที่ออกจากบ้านแล้วไม่ยิ้ม....ก็เหมือนแต่ตัวยังไม่เสร็จ ภาพไม่เรียบร้อย ใครเห็นก็ดูไม่สบายตา...ไม่สบายใจ...”

ยิ้มกัน หรือยังจ๊ะ...
    ทุกๆวัน เราจะนั่งดูทีวีช่องพิเศษช่องหนึ่งชื่อ DMC ซึ่งส่งผ่านจานดาวเทียมเป็นทีวีพิเศษช่องสมาธิ และธรรมะช่องแรกในเมืองไทย ที่ออกอากาศ 24 ชั่วโมง เผยแพร่ไปหลายทวีปทั่วโลกที่น่าภาคภูมิใจ เป็นรายการสอนวิชานั่งสมาธิ สอนธรรมะ ในชีวิตประจำวัน มีไฮไลต์ชื่อรายการ “ฝันในฝัน” เป็นกรณีศึกษาเรื่อง กฎแห่งกรรม เป็นคำบรรยายประกอบ ภาพสวยงาม โดยพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย)
    ที่น่าสนใจ คือ มีทั้งมิวสิควีดีโอทันสมัยเปี๊ยบ เป็นการ์ตูนหรือแอมิเมชั่น สอนธรรมะให้ข้อคิด ภาพเป็นหมวกกับตี๋ กำลังเซิ้งเฉิบๆ เรื่อง เก่งและดี เป็นต้น ใครเห็นต้องอมยิ้มด้วยความชอบใจ เพราะทั้งเต้นทั้งเซิ้งกันมันระเบิด
แต่ที่ชอบที่สุดทุกวันคือ ท่านจะเริ่มทักทายคำแรก ด้วยรอยยิ้มหวาน พร้อมกับถามว่า “ยิ้มกัน หรือยังจ๊ะ”
คนฟังในห้องนั่งสมาธิใหญ่นับพันก็จะตอบ พร้อมกับรอยยิ้ม “ยิ้มแล้ว ครับ(ค่ะ)” 
    แล้วท่านก็จะสอนว่า ใครก็ตามที่ออกจากบ้าน แล้วไม่ยิ้ม ก็เหมือนแต่งตัวยังไม่เสร็จ ภาพไม่เรียบร้อย ใครเห็นก็ดูไม่สบายตา ไม่สบายใจ เหมือนใส่สูทนุ่งผ้าขาวม้า หรือเขียนคิ้วข้างเดียว
    จริงซินะ เวลาเดินไปตามถนน เห็นคนหน้าตายิ้มแย้ม ทำให้บ้านเมืองดูสดใส ไม่เหมือนไปต่างประเทศบางประเทศเมืองใหญ่ๆ ในเมืองเกาหลี เช่น เมืองโซล เดินไปทั้งถนนไม่เห็น ยิ้มสักคน ทุกคนมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินคุยกันก็เคร่งเครียด ร้านค้าส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แต่ก็ไม่มีรอยยิ้มเลย
    ยิ้ม นี่แหละเป็นอาวุธสำคัญ จะทำให้คนรัก คนโกรธ คนพอใจ หรือไม่พอใจก็ตรงยิ้ม นี่แหละ เพราะบางคนยิ้มไม่เป็นเวลายิ้มเย้ยหยัน ยิ้มอย่างไม่เต็มใจยิ้มแบบเสียไม่ได้ หรือยิ้มผิดจังหวะ ทำให้โกรธกันเสียนักต่อนัก เพราะนึกว่ายิ้มซ้ำเติมสมน้ำหน้า

แค่ยิ้ม ก็ได้กำไรแล้ว
    ในธุรกิจการค้า การยิ้ม คือ การลงทุนที่ต่ำที่สุด เพราะไม่เสียอะไรเลย ถ้าบริษัทห้างร้านไหน พนักงานเต็มไปด้วยรอยยิ้มหวาน ทุกคนก็อยาก ช้อปปิ้ง จะเลือกสินค้าเท่าไร พนักงานก็หยิบมาให้ดูไม่บ่น มีแต่รอยยิ้ม เลือกแล้วไม่พอใจก็เก็บใส่ตู้แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรค่ะ” แล้วก็ยิ้มขอบคุณ ที่ให้ความสนใจสินค้า
    บริษัทระดับนานาชาติที่ประสบความสำเร็จมาก ทั้งที่เป็นสินค้าเอเซียทำจากฮ่องกง แต่ตั้งชื่อฝรั่งว่า จีออร์ดาโน  เป็นเสื้อผ้าวัยรุ่น จากร้านค้าเล็กๆ สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นแฟรนไชส์ดังระดับเอเชีย เพราะจุดขายที่สำคัญ คือ รอยยิ้ม และการต้อนรับของพนักงาน ที่เขาจ้างมืออาชีพมาสอน มาฝึกเรื่องการยิ้ม การต้อนรับ การเอาใจใส่ลูกค้า บริษัทถือเป็นเคล็ดลับอันดับหนึ่งแห่งความสำเร็จที่ไม่เหมือนใคร
บริษัทในอเมริกาที่โด่งดังมากในเรื่องนี้ คือ นอร์ดสตรอม เป็นห้างสรรพสินค้าขายเสื้อผ้าที่ลูกค้ามีระดับชอบมากที่สุด เพราะนโยบายเดียวกันคือ รอยยิ้ม ความสุภาพของพนักงานขาย ที่ถูกฝึกอบรมมาไม่เหมือนฝรั่งทั่วไป ที่บางครั้งชอบดูถูกลูกค้าโดยไม่รู้ตัว เพราะนิสัยฝรั่งนั้นไม่มีความอ่อนหวาน มีแต่ห้วนๆ ชอกก็ซื้อ ไม่ชอบก็เก็บ หน้าก็บึ้ง
    เป็นยังงี้แหละ ยิ่งถ้าเป็นชาวเอเชียตัวเล็กๆ หรือคนดำ เขาจะมาบริการอย่างเสียไม่ได้ ตรงกันข้ามกับ ห้างนอร์ดสตรอมที่เขาฝึกคนมาเป็นอย่างดี เลยรวยเติบโต ขายดิบ ขายดีไปเพราะ ยิ้ม นี่แหละค่ะ..นำมาซึ่งความสำเร็จ ลองไปใช้ดูซิคะ

ปัญหาน่ายิ้ม
    พอพูดถึงเรื่อง ปัญหา บางคนกำลังยิ้มอยู่ก็อาจจะหุบทันที เพราะทำให้เสียอารมณ์ หงุดหงิด เอาอีกแล้ว เรื่องนี้อีกแล้ว เอาเรื่องนี้มาคุยอีกแล้ว
    คนบางคนจึงเป็น นักหนีปัญหา พอจะพูดเรื่องปัญหาภายในองค์กร ปัญหาการเงิน ปัญหาการตลาด ปัญหาการผลิต ยังไม่ทันเริ่มก็มีเสียงแอบถอนหายใจ
“ไม่พูดได้ไหม เอาไว้มีอารมณ์ดีแล้วค่อยพูดได้ไหม เอาไว้ก่อนดีกว่า”
    ลูกน้องที่เตรียมเรื่องมาปรึกษา พอเห็นเจ้านายอารมณ์ไม่ดี ก็เลยถอยกรูดปัญหานั้นก็เลยถูกดองเอาไว้ รอจนในที่สุดก็เกิดวิกฤตจนแก้ไม่ไหว ประเภทผีถึงป่าช้า แล้วค่อยหามมาอะไรทำนองนั้น
    อันที่จริงคำว่า ปัญหา เป็นคำที่เขียนคล้ายมาก กับคำว่า ปัญญา เปลี่ยนอักษรแค่ตัวเดียวจาก วิกฤต ก็กลายเป็น โอกาส
มีคำพูดฝรั่งอยู่คำหนึ่งที่พูดว่า “Mistake is like a shadow, it gives you a deeper look of life”
ถ้าแปลตรงๆ ก็แปลว่า “การทำความผิด ก็เหมือนการแรเงารูปวาด ทำให้รูปวาดนั้นมีความลึก มีมิติ ทำให้ชีวิตมีมิติที่ลึกซึ้ง มีสีสัน มีรสชาติมากยิ่งขึ้น”
    ภาษิตไทยก็แปลว่า ผิดเป็นครู คำว่า ปัญหา ก็คือ บททดสอบ หรือข้อสอบเพื่อทดสอบความคิด ความสามารถ ความเก่ง ความอดทน ความอดกลั้นของเรา
    ถ้าเราเข้าห้องสอบ พอเห็นข้อสอบแล้ว เรายิ้มได้ ก็แปลว่า หวานเราละคราวนี้ แต่บางครั้งถ้าเห็นข้อสอบแล้วดูท่าทางว่าคราวนี้แย่แน่ๆ ยิ่งทำหน้าเครียด ใจก็เครียดด้วย สมองมันก็จะดันตื้อไปเฉยๆ เคล็ดลับ ก็คือ หายใจลึกๆ สัก 3 ที ถึงหน้าไม่ยิ้ม ยังไงในใจก็ต้องยิ้ม ปลอบใจตัวเองไว้ก่อน ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยๆ คิดแล้วก็จะทำได้เองน่ะ

ยิ้มเงินล้าน
    ในเกมโชว์หลายครั้ง เช่น รายการแฟนพันธุ์แท้ ของคุณปัญญา นิรันดร์กุล ที่ฮิตติดกันงอมแงมทั้งเมือง คำถามที่คุณปัญญาถามบางครั้งยากแสนยาก แต่ชนิดคนดูฟังคำถาม แล้วร้องฮือ เพราะถามอะไรยากอย่างนี้ จะตอบได้หรือ
แต่ทันทีที่ผู้ตอบเริ่มยิ้มได้ คุณปัญญาก็จะร้องว่า “ยิ้มได้แล้ว ใช่ไหมครับ” เอาละ “พร้อมตอบแล้ว ใช่ไหมครับ” ผู้ชมก็จะยิ้มตาม คุณปัญญาก็ยิ้ม และถ้าตอบถูกก็จะร้องว่า “ถูกต้อง แล้วคร้าบ” แล้วก็ยิ้ม ปรบมือกันทั้งห้อง คนดูก็สนุก
เห็นไหมคะ อานุภาพแห่งการยิ้ม และจริงๆแล้ว คุณปัญญา นี่แหละคือ ต้นแบบแห่งการยิ้ม ยิ้มที่ทำให้ทุกคนสดใส ยิ้มทำให้สนุก แต่คุณปัญญารวย ต้องขอเรียกว่าเป็น “ยิ้มเงินล้าน”
    ในภาพยนตร์ทีวีบางเรื่อง เช่น สามก๊ก จะเห็นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น โจโฉ หรือ ขงเบ้ง ไม่ว่าจะ มีปัญหาใหญ่แค่ไหน ขงเบ้งก็จะยิ้มน้อยๆ ส่วนโจโฉบางครั้งถึงกับหัวเราะเลย หัวเราะว่าเป็น ปัญหาเรื่องจ้อย ทำให้ทุกคนอุ่นใจว่า นายดีเสนาธิการดี ปัญหาแค่นี้ไม่พอมือหรอก เดี๋ยวก็แก้ได้ ชนะได้

ทักษะในการแก้ปัญหา คือ ความเก่งที่ต้องฝึก
    สิ่งที่เป็นหนึ่งในความสามารถที่จำเป็น ของผู้จะก้าวสูงขึ้นไประดับบังคับบัญชาระดับผู้จัดการ คือ ความสามารถในการตัดสินใจ ความสามารถในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นทักษะที่ต้องมีการฝึกฝน ต้องผ่านประสบการณ์ การแก้ปัญหามามากๆ ยิ่งผ่านประสบการณ์มามากเท่าไร ความเฉียบคมในการแก้ปัญหา และตัดสินใจก็จะยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น
เหมือนนักกีฬา นักเทนนิส นักดาบ ยิ่งต้องผ่านยอดฝีมือระดับสูงเท่าไร ก็แสดงถึงความเก่งกาจมากขึ้นเท่านั้น ถ้าไปเจอนักดาบประเภทฟันสองสามทีก็หมดท่า ยอมแพ้ ก็ไม่ทำให้เราเก่งมากขึ้น แต่ยิ่งเจอ คนเก่งกว่า การคิดแก้ปัญหาการใช้ความสามารถก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเพียงนั้น
“ใช่ค่ะ...ความเป็นเลิศ เกิดจากการฝึกฝนเท่านั้น”
    บรรดานักบริหารมือใหม่ หรือ ผู้เริ่มต้นเป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งแรกที่ปวดหัวก็คือ การที่ลูกน้องมานั่งตรงหน้าแล้วเล่าถึงปัญหาต่างๆ ในแผนก ในฝ่ายมีปัญหากับฝ่ายอื่น ฟังแล้วมีแต่เรื่องกลุ้มใจ มีแต่เรื่องกลุ้มใจ มีแต่เรื่องปวดหัว มีปัญหาไปหมด ฟังแล้วมีแต่เรื่องห่อเหี่ยวไม่เจริญใจ และพอถามว่า “แล้วจะแก้ยังไงดีล่ะ” ลูกน้องก็ตอบว่า “ผมยังแก้ไม่ได้ หรอกครับ ถึงได้มาหานายให้ช่วยแก้ปัญหาให้”
เราก็จะใจดีสู้เสือ ถามต่อไปว่า “แล้วก่อนนี้เขาแก้กันยังไง คนก่อนเขาแก้ยังไงถ้ามีปัญหานี้” เขาก็จะตอบว่า “อ๋อ...แก้ยากครับ คนก่อนเขาก็แก้ไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาระหว่างฝ่าย ฝ่ายอื่นเขาไม่แก้หรอก เขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด” ฟังแล้วท้อใจชะมัด ทำไมต้องเป็นเรานะ
จุดพลิกผัน ก็อยู่ตรงนี้แหละ ถ้าเราฟังแล้วห่อเหี่ยว เศร้าสร้อย หน้าตาเครียด ดูกลุ้มใจ ลูกน้องก็คงใจฝ่อเหมือนกัน รู้งี้ไม่เล่าให้ฟังดีกว่า เอาไว้ให้หนักกว่านี้แล้วค่อยมาแล้วกัน เพราะร้อยละเก้าสิบเก้าของปัญหา จะเป็นปัญหาเรื่องคน เรื่องนิสัยคน พฤติกรรมของคน  อย่างที่ตำราเขียนไว้ “All Problem Are Human Problems” จริงนะมีปัญหาไหนที่พ้นเรื่องคนบ้าง รถเสียก็เพราะคนไม่ดูแลมัน ยอดขายตกก็เพราะคน ไม่ซื้อผลิตไม่ทันก็เพราะวางแผนผลิตไม่ดี เก็บเงินไม่ได้ก็เพราะลูกค้าเบี้ยว ฯลฯ สรุปล้วนแต่เรื่องคนทั้งนั้น

ปัญหาก็เหมือนผี อย่าไปกลัวมัน
    ถ้าเราเป็นคนกลัวผีสุดๆ ผีก็จะชอบมาหลอกเรา เพราะรู้ว่าเรากลัวผีก็เลยสนุกทางที่ดีที่สุด ถ้าเราไม่กลัวผี ไม่กลัวปัญหา ถือว่า เพราะมีหลวงพ่อดีซะอย่างหลวงพ่อนี้ ก็คือ ใจของเราเอง อย่างมากที่สุดก็แก้ได้ไม่ดีนัก แต่ไม่ต้องไปหนีมันหรอก ผีก็จะกลับกลัว(ใจ)มนุษย์
เอาซิ..มาเลย.. เอาปัญหามาวางตรงหน้า แล้วเอามีดปังตอ คือ ปัญญา ของเรา ตัดสินใจ ฟันฉับไปเลย เสร็จแล้ว ก็เสร็จกัน “ตัดสินใจแล้ว ก็ต้องตัดใจ” รู้แล้วรู้รอด กันไปเลยคราวนี้
    ลูกน้องได้คำตอบก็จะยิ้มแป้น แล้วก็กราบลาออกไป เราก็โล่งใจ ตัดสินใจไปแล้ว จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ก็ตามไปรอดูผลก็แล้วกัน ถ้าเรากล้าตัดสินใจ แล้วก็ตัดใจทำอย่างนี้บ่อยๆ ในที่สุดก็จะเกิดความชำนาญ แล้วการตัดสินใจก็จะดีขึ้น เฉียบคมขึ้น มีมุมคิดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ทั้งหมดนี้ อยู่ที่ตัวเดียว คือ กล้า หรือเปล่า?
ความกล้า นี่เอง คือ คุณสมเอกของผู้นำ โชคดีที่พ่อสอนเอาไว้ว่า “อย่ากลัวคนเลว ให้กลัวแต่คนดี” เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงหน้าอินทร์ หน้าพรหม เราก็ศิษย์มีครูดี ไม่เคยกลัวใคร
    แม่เคยเล่าว่า  สมัยแม่ยังเป็นสาวๆ มีเจ๊กนักเลงมาทะเลาะ กันกับพี่ชายมันก็ขู่ว่าว่าให้ระวังมันจะแอบมาตีหัวพี่ชาย ปรากฏว่าแม่แอบฟังแล้วกลุ้มใจแทน ไม่รู้ว่าจะมาตีหัวพี่ชายเมื่อไร ก็เลยตัดสินใจเอาคืนวันหนึ่ง แม่เอาเสื้อผ้าพี่ชายมาใส่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย แล้วคลุมหัวซุ่มอยู่ในที่มืด พอเจ๊กนักเลงคนนั้นเดินผ่านมาก็เอามะละกอสุกฟาดหัวอย่างแรง จนมะละกอเปรอะเต็มตัว เจ๊กวิ่งหนีจ๊าก นึกว่าโดนตีหัวแตกเลือดอาบ เข้ามาฟ้องคุณตาขุนจงว่า โดยลูกชายท่านขุนทำร้าย คุณตาเรียกพี่ชายมาสอบถาม ไม่มีใครรู้เรื่องสักคน ก็เลย ต้องเลิกรากันไป แล้วก็ไม่กล้ามาตอแยอีก แม่บอกว่า “ไม่รอมันได้เรอะ ไม่รู้มันจะมาเมื่อไร” รีบจัดการ ซะให้เสร็จๆ ไป จะได้ทำมาหากินต่อได้สบายใจ นี่แหละ..ใจแม่กาขาว
    “แม่กาขาว” เป็นฉายาที่เราชอบเรียก เพราะเหมือนธรรมะของพระพุทธเจ้าอีกาตัวสีดำ แต่มีธรรมะในใจ เลยกลายเป็นกาขาว ตรงกับคำทำนายของ สมเด็จโต ว่า “ยุคนี้จะเป็นยุคถิ่นกาขาว” คือ คนจะมีธรรมะมากขึ้น คนไม่ดีจะกลับตัวกลายเป็นคนดี คนไม่มีธรรมะ จะกลับมีธรรมะเต็มเมือง 
    ค่ะ..เล่าเรื่องการตัดสินใจ แต่เรื่องนี้เข้ากันพอดี เพราะจะไปมัวรอ ให้มันมาตีหัวอยู่นั่นแหละ ตัดสินใจแล้ว ก็ตัดใจ ตีหัวมันไปก่อนเลยดีกว่า ตัวอย่างนี้เจ๋ง
    เพราะคนส่วนใหญ่ชอบใช้คำว่า “รอ” บางครั้งพอบอกว่าต้องตัดสินใจ ก็ตัดสินใจว่า “ให้รอไปก่อน” กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้พอดี บางครั้งเรื่องบางเรื่องมันรอได้ซะเมื่อไรกันล่ะ
ข้อคิดง่ายๆ สบายๆ  คำสอนพระพุทธเจ้าท่านวิเศษนัก ท่านสอนว่าให้
1. วิเคราะห์ปัญหา คือ ทุกข์
2. หาสาเหตุ คือ สมุทัย
3. หาทางแก้ไข คือ นิโรธ
4. เลือกปฏิบัติตามทางแก้ไข คือ มรรค

รับสมัครงานด่วนหลายตำแหน่ง more...
 
26 ก.พ.-1 มี.ค. 52 พบกับงานซื้อ-ขายธุรกิจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี 52 งานโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์ ครั้งที่ 13....
 
แบบสอบถามแฟรนไชส์ซี่ (รับสิทธิ์สมัครสมาชิกนิตยสารฯ ฟรี!! 1 ปี)
ถ้าไม่สามารถอ่านเอกสารได้
ดาวน์โหลดโปรแกรมที่นี่....
            
 
 
 

บริการงานเว็บไซค์

 

 
 
- ditto world
- music palace
- pompadour
- blink
- สังขยา กาแฟ
- big move
- โจเอลลี่ โมอีส
- จันทร์สว่าง