Revolutionary Press Agency : Online Journal and News Agency for Peace
สำนักสื่อปฏิวัติ  : วารสารข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
8 มิ.ย. 2554 กองหน้าประชาชนรุ่นใหม่ อนุสรณ์ สมอ่อน ตอบคำถามคาใจทำไมต้องปฏิวัติประชาธิปไตย? 
 
"เปิดตำนานคนชุดขาว"ธรรมยาตราทวงคืนเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพาสู่...ปัญหาอธิปไตยดินแดน
เขียนโดย ยอดมณี วัชรธรรม
สำนักสื่อปฏิวัติ - Revolutionary Press Agency (RPA)
โพส  ๒๗ พ.ย.๒๕๕๒  : ๐๓.๓๐ น.
บทที่ ๕   
จิตวิญญาณของผามออีแดง...คืนวันของการสะสมพลัง
             
 
 
   
                
                  เช้าวันที่อากาศสดใส   สมาชิกของคณะธรรมยาตราตื่นแต่ตีห้าเพื่อรอรับแสงอรุณและแยกย้ายกันปฏิบัติภารกิจ  บางคนนั่งสมาธิรับแสงแรกของวัน  บางคนเริ่มหุงหาอาหาร  บางคนปลีกตัวไปใช้ห้องน้ำของสำนักงานอุทยานแห่งชาติที่ต้องเดินย้อนกลับไปตามแนวผาที่ทางอุทยานปูทางเดินไว้เรียบร้อยสวยงาม    แรงลมและความอุดมของระบบนิเวศน์ทำให้บริเวณผามออีแดงไม่มียุง   การนอนกลางแจ้งรับไอน้ำค้าง  แบบนอนตากลมห่มฟ้า ช่างเป็นประสบการณ์ที่หายากมาก   คณะฯได้รับการอนุเคราะห์เรื่องถุงนอนจากอุทยาน   น้ำค้างในคืนแรกของการพำนักไม่ลงหนัก  แต่ลมที่โชยมาจากทิศตะวันตกทั้งคืนแรงยิ่งกว่าลมทะเล  ต้องคอยรูดซิปถุงนอนให้สนิท ลมที่ชำแรกแทรกเข้าไปอาจทำให้หนาวจนนอนไม่ได้

                  คณะธรรมยาตราบางคนร่ำลือถึงเรื่องวิชาคุณไสย และมนต์ดำเขมรว่าอาจส่งมาทำลายคณะธรรมยาตรา แต่ด้วยความมุ่งมาดปรารถนาทำความดีด้วย “ การทำความจริงให้ปรากฏ ”    เพื่อนบ้านที่มีทั้งวิชามนต์ดำและมีทั้งการปกครองระบอบสังคมนิยมที่พร้อมสั่งทหารกระทำการรุนแรงได้ตลอดเวลานั้น มิได้ทำให้คณะธรรมยาตราหวาดกลัว   คนชุดขาวปฏิบัติธรรมใช้พุทธคุณต่อสู้กับมนต์ดำและความรุนแรงทุกชนิด

                 ความพิเศษของผามออีแดงคือสัจธรรมที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า   ชาวผามออีแดงต้องคอยรู้เท่าทันความแปรปรวนของธรรมชาติในบริเวณตลอดเวลา   บางครั้งต้องเผชิญฝนไล่ช้างในสิบนาที  ฝนหยุดตกแดดก็ออกจ้าทันที  ธรรมชาติที่นี่ล้อเล่นกับมนุษย์ตลอดเวลา    ความยิ่งใหญ่ของกฎอนิจจังที่ผามออีแดงเป็นรูปธรรมจับต้องให้พิจารณาใคร่ครวญข้อธรรมได้ตลอดเวลา   ก้อนเมฆสีขาวลอยตัวอยู่ห่างชั่วหนึ่งช่วงเขา  จู่ๆภายในไม่กี่นาทีก็ลอยตัวเขยิบเข้าใกล้ผามมออีแดงกลายเป็นหมอกขาวรอบตัวเต็มไปหมด  เปลี่ยนบรรยากาศจากผาฯเป็นเมืองในหมอกในบัดดล  ใครๆที่อยากเดินจับหมอกเล่นโดยไม่ใช่ช่วงฤดูหนาว  ต้องเดินทางไปที่ผามออีแดง

                 
 
พระอาทิตย์ขึ้นเวลา๕นาฬิกาที่ผามออีแดงสุดชายแดนตะวันออก
 
เมฆเรืองแสงขาวนวลจากแสงพระอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องส่ว่างขึ้นเรื่อยๆ
 
                เบื้องล่างผืนป่าพยุงที่ปรากฏอยู่เบื้องล่างในบางวัน เห็นเป็นหย่อมสีเขียวเข้มจางสลับกันไป เหมือนสีปะการังในท้องทะเล  เพราะแสงแดดอาทิตย์ที่ตัดลงตรงก้อนเมฆ ก้อนหนาบางขนาดย่อมที่ลอยตัวอยู่เหนือผืนป่า กระจัดกระจายกันอยู่เหมือนกลุ่มดอกไม้ลอยน้ำในชามแก้ว อย่างไรอย่างนั้น  ปรากฏสีเขียวเข้มบนผืนป่าที่มีเงาเมฆแต่งแต้ม  ภาพจิตรกรรมที่ผามออีแดงมีศิลปินใหญ่บรรจงสร้างงานศิลป์ เปลี่ยนไปให้ชื่นชมได้ไม่เว้นแต่ละวัน   ขึ้นอยู่กับแรงลม ทิศทางแดด และการรวมตัวกันของก้อนเมฆเหนือผืนป่า

                 เช้าวันหนึ่ง หนึ่งในสมาชิกคณะธรรมยาตราตื่นเต้นดีใจ เธอบอกว่าเห็นก้อนเมฆเป็นรูปทรงพระโพธิสัตว์กวนอิมปรากฏอยู่เบื้องหน้า   สมาชิกอีกคนหนึ่งที่หยิบกล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ทัน คนที่เหลือไม่ทันได้เห็น เพราะเรียกให้ดูไม่ทัน เพราะรูปทรงเปลี่ยนไปเร็วมากตามแรงลม  ความรื่นรมย์ในธรรมชาติเช่นนี้เอง ที่ทำให้คณะธรรมยาตราต้องคอยตื่นก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเพื่อชมวิวที่สวยงามสุดบรรยายได้ทุกวันอย่างไม่เคยเบื่อ
 
                 ภาพศิลปะแบบนี้ไม่มีใครยึดครองได้ เพราะแปรเปลี่ยนเป็นอนิจจังตลอดเวลา  เสน่ห์ของผามออีแดงก็คือ กฎของการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่งนั่นเอง  การเปลี่ยนสีของก้อนเมฆ และการเปลี่ยนทิศของลม  และการเปลี่ยนมุมของแสง ทำให้มนุษย์ผู้มาเยือนต้องคอยเฝ้าดูความเปลี่ยนแปลงจึงจะเข้าถึงวิญญาณศิลปิน   ก่อนที่ภาพจิตรกรรมจะเปลี่ยนไปอีกภาพหนึ่ง    บางคนได้ประสบการณ์ทางจิตวิญญาณโดยตรงก็จะอธิบายประสบการณ์ที่ได้พบเป็นเรื่องจิตวิญญาณ  ซึ่งเป็นเรื่องปัจจัตตังเฉพาะตนสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมที่ไม่สามารถโต้แย้งได้     ส่วนผู้ที่ได้ประสบการณ์อีกแบบก็จะอธิบายในแง่มุมอื่นที่แตกต่างกันไป  
 
                บางคนในกลุ่มสมาชิกเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าผามอีแดงคือความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ผ่านกาลเวลามานับร้อยนับพันปีที่มนุษย์ไม่สามารถครอบครองได้  หากแต่มีเทพพรหมดูแลเก็บรักษาไว้กับกาลเวลาและรอเวลาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งที่ดีกว่าเท่านั้น  
 
                  
  
พระศรีอาริยเมตตรัยในวันที่เมฆกลายเป็นหมอก
       พระศรีอาริเมตตรัยในวันที่ฟ้าใส
 
 
 
                 การรุกด้วยด้วยความปรารถนาดีของพลังทางจิตวิญญาณต่อกัมพูชา  
 
                  คณะธรรมยาตรากลุ่มหนึ่งได้เดินทางกลับกรุงเทพ  และเหลือชาวผามออีแดงไว้ส่วนหนึ่ง  ซึ่งเป็นผู้สวมชุดขาวเสียส่วนใหญ่  รวมเบ็ดเสร็จประมาณ 12 คน สมาชิกบางคนรวมทั้งแกนนำ มีหน้าที่ต้องไปรุกต่อที่กรุงเทพ  สมาชิกบางคนจึงขึ้นล่องไปมาระหว่างกรุงเทพศรีสะเกษทุกสัปดาห์    
 
                  ทหารพรานที่ขึ้นมาทักทายคณะธรรมยาตราเริ่มให้ข้อมูลเรื่องผลประโยชน์ชายแดนในจุดต่างๆ  เบื้องล่างที่มองเห็น คือช่องตาเฒ่า   เป็นทางเข้าออกอีกทางหนึ่งของการค้าผิดกฎหมายระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและพ่อค้ากัมพูชา  เบื้องหน้าผามออีแดงมองเห็นผืนป่าพยุง   คือผลประโยชน์ชิ้นมหาศาลที่ทุกคนหวังจะมีส่วนร่วม  ที่แนวป่านี้เองที่มีแผนการระดับนโนบายทั้งของชนชั้นปกครองไทยและชนชั้นปกครองกัมพูชาเรื่องโครงการสร้างคอมเพล็กซ์ระดับอภิมหาโปรเจ็คท์   นอกเหนือผลประโยชน์เรื่องบ่อนคาสิโน ที่ช่องจอมจังหวัดสุรินทร์ และปอยเปตที่จังหวัดสระแก้ว ที่ศรีสะเกษการวางแผนสร้างเมืองอบายภูมิ ด้วยการถางป่าเบื้องล่างทำลายธรรมชาติซึ่งเป็นที่มาของรุ้งกินน้ำสีสวยที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ   แผนร้ายของการใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเข้าไปจัดการระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์กัมพูชากำลังดำเนินไปผ่านการบริหารงานของสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน    เป็นข้อตกลงระหว่างชนชั้นปกครองสองประเทศ  และประชาชนคนไทยนำโดยขบวนธรรมยาตรากำลังทำหน้าที่ทำลายแผนนี้  โดยที่ประชาชนชาวกัมพูชาไม่เคยมีโอกาสล่วงรู้เลยว่านี่คือการช่วยเหลือพวกเขาวิธีหนึ่ง  ภาพขอทานชาวเขมรนั่งอยู่ที่สะพานลอยกลางกรุงเทพมหานคร  ภาพโสเภณีเด็กในกัมพูชา  และภาพของชาวเขมรในศูนย์อพยพในแถบชายแดนไทยเมื่อไม่ถึงยี่สิบปีที่ผ่านมายังติดตาคนไทยอยู่    ความพลัดพรากจากแผ่นดินของชาวเขมรในอดีต  นอกจากจะทำให้คนไทยไม่เคยอาฆาตเอาคืนดินแดนแล้ว ยังทำให้ใจอ่อน ทำการอุ้มชูเขมรมาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ทั้งในระดับชาวบ้านด้วยกันจนถึงระดับนโยบายบริหารประเทศ 
 
                  เช้าวันรุ่งขึ้นพระวิจิตร ญาณโสภโณซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปเดียวที่ปักหลักอยู่กับคณะธรรมยาตราเพียงรูปเดียวในขณะนั้นก็ได้ทำหน้าที่บิณฑบาตไปยังบริเวณใกล้เคียง  อ.สมานได้ทำการติดต่อมัคคุเทศก์ชาวกัมพูชาชื่อเอื้อโส เพี้ยบที่เคยนำเที่ยวเขาพระวิหารเมื่อสัปดาห์ก่อนที่จะมีการเดินธรรมยาตรามาพบกันที่หน้าประตูทางเข้า   เอื้อ โส เพี้ยบได้ทำการตักบาตรข้ามพรมแดนแก่พระวิจิตร คณะธรรมยาตราได้ทำการบันทึกภาพนี้ไว้และได้นำมาเผยแพร่ส่งข่าวสื่อมวลชนในวันเดียวกัน  นี่เป็นการรุกครั้งสำคัญต่อเจ้าหน้าที่และรัฐบาลกัมพูชาโดยตรง   สังเกตเห็นว่าชาวบ้านในหมู่บ้านมิได้ปิดประตูใส่พระสงฆ์    ท่าทีต่อพระสงฆ์ยังเป็นไปเฉกเช่นพุทธศาสนิกชนปฏิบัติต่อพระ  แต่เจ้าหน้าที่ฝั่งกัมพูชาก็เริ่มตรวจตราบริเวณประตูอย่างเข้มงวดเพิ่มขึ้น 
 
                  ในเช้าวันต่อมา อ.สมานก็ได้ดำเนินการยุทธวิธี  “ดอกไม้ให้คุณ”  พาคณะธรรมยาตรานำช่อดอกไม้ไปปักอยู่ที่ประตูทางเข้าอีก   พร้อมแผ่นป้ายเขียนว่า “เปิดประตูเถิด ชาวโลกกำลังรออยู่”   พยายามติดต่อนายเอื้อโส เพี้ยบคราวนี้แต่ติดต่อไม่ได้เสียแล้ว โทรศัพท์มือถือไม่มีสัญญาณ  คาดว่าเอื้อ โส เพี้ยบในฐานะประชาชนธรรมดาอาจถูกรุกจากเจ้าหน้าที่มิให้ติดต่อกับคนชุดขาวกลุ่มนี้อีก  เมื่อไม่มีตัวแทนมารับช่อดอกไม้ คณะธรรมยาตราจึงปักช่อดอกไม้ทิ้งไว้ พร้อมป้ายดังกล่าว  แสดงความปรารถนาดีต่อชาวกัมพูชาซึ่งเป็นการปฏิบัติระหว่างประชาชนกับประชาชน   และเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเปิดประตูให้นักท่องเที่ยวฝั่งไทยได้มีโอกาสเดินทางขึ้นไปชมเขาพระวิหาร และเปิดให้การค้าเป็นไปอย่างต่อเนื่องเหมือนเดิม   ภาพข่าวนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ  ยังมีสื่อมวลชนท้องถิ่นติดตามทำข่าวอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคณะธรรมยาตรามั่นใจว่าจะต้องส่งผลต่อรัฐบาลกัมพูชาทางหนึ่งทางใดอย่างแน่นอน
 
                 เมื่อการก่อตั้งชุมชนผามออีแดงก่อกำเนิดขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน  คณะธรรมยาตราตัดสินใจอัญเชิญพระพุทธรูปองค์สำคัญจากกรุงเทพขึ้นไปสององค์และนำองค์ที่หนึ่งคือพระพุทธศรีอาริเมตตรัยประดิษฐานไว้ที่เนินหินริมผามออีแดง อีกองค์หนึ่งได้นำไปประดิษฐานไว้ที่ศาลาอธิปไตยหรือบ้านอธิปไตยที่ตั้งอยู่กลางลาน  นอกจากพระพุทธรูปแล้วคณะธรรมยาตรายังได้ต้อนรับพระสงฆ์เพิ่มอีกหนึ่งรูปคือพระคำพอง (ฉายา) ที่ได้กลายเป็นหนึ่งในพระสงฆ์องค์สำคัญอีกรูปหนึ่งที่ร่วมปักหลักกับคณะธรรมยาตรามานับแต่นั้น

                 หลังการประดิษฐานของพระพุทธศรีอาริยเมตตรัย   พร้อมการปักธงธรรมจักรไว้ปลิวไสวอยู่ข้างๆ   บรรยากาศที่ผามออีแดงเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใดประหนึ่งว่าได้ทำการประกาศความเป็นชุมชนของชาวผามออีแดงขึ้นมาแล้ว  จากลานหินที่ประดิษฐานสมาชิกคณะธรรมตราได้ค่อยๆสร้างกิจกรรมขึ้นใหม่ ได้หล่อหลอมวัฒนธรรมพุทธขึ้นครบถ้วน คือ การมีวิสุงคามสีมากลางแจ้ง  สมาชิกบางคนได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเช้าเย็น พร้อมการทำวัตรเจริญมนต์เช้าเย็น ท่ามกลางสายลมและธงธรรมจักรที่สะบัดชายล้อลมทั้งกลางวันและกลางคืน    พระศรีอาริยเมตตรัยตั้งหันหน้ามาทางฝั่งไทยและหันหลังให้กับฝั่งกัมพูชา   และที่บัลลังก์นี่เองในตลอดระยะเวลาหลายเดือนหลังจากนั้นกลายเป็นอุโบสถสำคัญที่ผู้มาเยือนทุกกลุ่มต้องเข้ามากราบสักการะพระพุทธเจ้าก่อนลากลับ  รวมทั้งเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบทั้งหลายที่ต่างแก้เก้อด้วยการมากราบพระก่อนตรงเข้ามาคุยกับชาวผามออีแดงเสมอ   
 
                ในช่วงเวลานั้น ข่าวการติดตามการทำงานของรัฐบาลเรื่องเขาพระวิหารยังคงเป็นประเด็นร้อนต่อเนื่องข้ามสัปดาห์   เมื่อพ้นจากอดีตรัฐมนตรี นภดล ปัทมะแล้ว ประชาชนยังจับตาดูต่อไปว่ารัฐบาลจะแต่งตั้งใครขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญเพื่อเจรจากับกัมพูชาในขั้นต่อไป    

                ในปลายสัปดาห์คณะธรรมยาตราได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ สสร.เศวต ทินกุลที่เดินทางมาปักหลักสมทบพร้อมรถกระบะติดเครื่องเสียงอย่างดีรอบคัน    รถคันประวัติศาสตร์คันนี้สีดำแต่สกรีนตัวหนังสือใหญ่ว่า “ทวงคืนเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา” ใหญ่โต  เวลาขับเข้าไปในจังหวัดชาวศรีสะเกษจะเหลียวดูอย่างสนใจ ไปตลอดทาง คุณเศวตท่านนี้เตรียมเครื่องเสียงและคัดดนตรีอย่างดีสำหรับเปิดเวลาแจกเอกสารเป็นเพลง “แผ่นดินของเรา”  ก่อนที่จะขึ้นมาสมทบเขาได้ทำการฟ้องร้องครั้งประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่งต่อ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภอ.บึงมะลูด้วยเรื่อง........... สสร.ท่านนี้เองที่ภายหลังจากนั้นคือผู้ปักหลักร่วมรบอยู่กับชนเผ่าผามออีแดงจนกระทั่งเหลืออยู่เพียงอีกไม่กี่คน 
 
 
                   
                 
 
ไม่เคยมีสักครั้งในประวัติศาสตร์ที่สื่อมวลชนจะสนใจทำข่าวคนนั่งกรรมฐาน
เมื่อเทียบกับข่าวตื่นเต้นเร้าใจทั้งหลาย ภาพนี้พิสูจน์ว่าคณะธรรมยาตราทำลายสถิตินั้นแล้ว
 
การเคลื่อนขบวนคนชุดขาวด้วยการเดินเป็นไปอย่างเชื่องช้า  แต่เป็นเหมือนกองทัพมด  ค่อยๆสะสมของหวานกักเก็บไว้เป็นพลังงานใช้ในระยะยาว  ผลดีของการเคลื่อนอย่างช้าๆ ทำให้บางคนที่เอาใจช่วยมองดูว่าอืดอาดไม่ทันใจ  แต่คณะธรรมยาตราเห็นว่าเป็นเงื่อนไขได้อธิบายได้เรื่อยๆถึงเหตุของการลงมือกระทำกิจกรรมต่างๆ  
   
 
                    ทำไมรัฐบาลเขมรจึงกลัวคนชุดขาว
 
                การเคลื่อนขบวนคนชุดขาวด้วยการเดินเป็นไปอย่างเชื่องช้า  แต่เป็นเหมือนกองทัพมด  ค่อยๆสะสมของหวานกักเก็บไว้เป็นพลังงานใช้ในระยะยาว  ผลดีของการเคลื่อนอย่างช้าๆ ทำให้บางคนที่เอาใจช่วยมองดูว่าอืดอาดไม่ทันใจ  แต่คณะธรรมยาตราเห็นว่าเป็นเงื่อนไขได้อธิบายได้เรื่อยๆถึงเหตุของการลงมือกระทำกิจกรรมต่างๆ  

                ข่าวคนชุดขาวที่ผามออีแดง สะท้อนไปไกลไม่ใช่เพียงแค่กรุงเทพ  หากแต่ไปไกลถึงกรุงพนมเปญ  หลังการลาออกของนภดล ปัทมะในฐานะรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ    การเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมรุกกลับจากฝั่งกัมพูชาก็เกิดขึ้นในทันที  การเคลื่อนไหวของกองกำลังเจ้าหน้าที่ในฝ่ายกัมพูชากำลังจะปรากฎเห็นชัดขึ้นจากตะเข็บชายแดนสู่ระดับในนโยบายในกรุงพนมเปญเลยทีเดียว    คณะทำงานฝ่ายส่งข่าวของคณะธรรมยาตราดำเนินการส่งข่าวสารแบบกองทัพมดในช่วงจังหวะนี้อย่างเป็นระบบด้วยจดหมายข่าวทางอินเตอร์เนต  คนชุดขาวแห่งผามออีแดงกำลังยกระดับจากรูปการต่อสู้ด้วยการเดินธรรมยาตรามาเป็นการประชุมแทน  จดหมายข่าวสั้นๆที่ทำการส่งไปทางสื่ออินเตอร์เนต ปรากฎใจความดังนี้
 
                 “ ประกาศด่วนการประชุมวาระแห่งชาติเรื่องเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา
 
                โดยคณะกรรมการแห่งชาติประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กลไกรัฐทั้งปวง ประชาชนชาวศรีสะเกษ และผู้รักชาติหวงแหนแผ่นดินทั้งหลาย  เพื่อแก้ไขปัญหา  “เขาพระวิหารและมณฑลบูรพา” ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 27-28 มิถุนายน 2551 นี้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติผามออีแดง (ทางขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย) 
                ร่วมจัดการประชุมโดย  สภาประชาธิปไตยแห่งชาติ ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ  ขบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย (อ.กันทรลักษ์) และองค์การพันมิตรทั้งปวง ”
 
                ในสัปดาห์แรกของการปักหลักที่ผามออีแดงโดยไม่ยอมลงตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ ยิ่งทำให้รัฐบาลกัมพูชาขัดเคืองใจหนักยิ่งขึ้น   เจ้าหน้าที่ทหารพรานบอกเล่าว่ากัมพูชาจะไม่ยอมเปิดประตูทางขึ้นเป็นอันขาดถ้าพวกชุดขาวยังไม่ลงไปจากผามออีแดง  พวกเขาบอกว่าในช่วงห้าวันระหว่างที่คณะธรรมยาตราเดินมานั้นฝนไม่ตกในบริเวณนี้เลย  ก่อนหน้านั้นฝนตกเปียกชื้นตลอดจนเสื้อผ้าในชุดเครื่องแบบที่ตากไว้ไม่ยอมแห้ง   ทหารที่เข้ามาพูดคุยเป็นทหารผู้น้อย ท่าทางดีใจมากที่ได้พบ และบอกว่าจะช่วยดูแลระหว่างที่คณะธรรมยาตราพักอยู่  พวกเขาเริ่มเล่าประสบการณ์การทำงานและแลกเปลี่ยนถึงชีวิตความเป็นอยู่    แต่ในที่สุดหัวข้อสนทนาก็วกกลับมาที่การแต่งชุดขาวกู้แผ่นดินคืนของคณะธรรมยาตรา อีกจนได้    ในช่วงเวลานี้เองที่คณะธรรมยาตราได้ประกาศจัดการประชุมเร่งด่วนขึ้นที่บริเวณผามออีแดง
      
               มีเรื่องเล่าขานกันเป็นตำนานจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งถึงความกลัวคนชุดขาวของรัฐบาลกัมพูชา ว่าในอดีตนั้นที่บริเวณผามออีแดงนั้นเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของชายคนหนึ่งที่ถือศีลพรตไม่ต่างจากฤาษี ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวณผามออีแดง   เล่ากันว่าการปฏิบัติธรรมของฤาษีผู้นั้นมีผลอย่างมากต่อชีวิตของทหารไทยที่ตระเวนอยู่แนวชายแดนนี้    อานิสงส์การปฏิบัติธรรมของคนๆเดียวส่งผลให้บริเวณชายแดนสงบสุขขึ้น   เรื่องเล่ามิได้บอกว่ามีปาฏิหาริย์อะไรบ้างระหว่างการบำเพ็ญภาวนา   แต่ว่ากันว่าทหารได้มีการลงขันว่าจ้างให้ชายผู้นี้อยู่ปฏิบัติธรรมต่อไปเพื่อความสงบสุขของบริเวณชายแดนจนทำให้เขมรเข็ดขยาด   เขาได้ปฏิบัติธรรมต่อไปจนวาระสุดท้ายและเสียชีวิตที่บริเวณผามออีแดงนี่เอง

               บ้างก็ว่าเป็นเพราะเขมรทำคุณไสยชายแดนไว้มาก  ชาวเขมรเชื่อว่าคุณไสยจะทำร้ายคนถือศีลปฏิบัติไม่ได้    จึงไม่ต้องการคนปฏิบัติธรรมเข้ามาในบริเวณดังกล่าว เป็นคำบอกเล่าที่ว่ากันต่อๆมา และยังไม่สามารถพิสูจน็ได้

               แต่ที่ปรากฏชัดเจนก็คือคนชุดขาวแห่งผามออีแดงเริ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในอำเภอกันทรลักษณ์  กิจกรรมของทุกเช้าคือการลงไปบิณฑบาตในเมืองของพระวิจิตรพร้อมรถเครื่องเสียงทวงคืนมณฑลบูรพาเขาพระวิหารเด่นชัด  และคนชุดขาวทั้งชายและหญิงที่คอยแจกเอกสารตามบาตรพระไปตลอดทาง
 
               ที่สถานีรถประจำทาง คนชุดขาวที่ขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพ-กันทรลักษณ์ กลายเป็นผู้โดยสารที่บริษัทรถทัวร์ดูแลเป็นอย่างดี  คนในอำเภอกันทรลักษณ์ส่วนใหญ่แล้ว ต้องการการสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนเขาพระวิหารทั้งนั้น  ทั้งที่เข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัวและที่บริจาคเป็นสิ่งของเช่นน้ำดื่ม  และอาหารแห้งให้กับคณะธรรมยาตรา
 
               ชาวกันทรลักษณ์ถามถึงความเป็นอยู่ของคณะธรรมยาตราในฐานะคนชุดขาวกลุ่มหนึ่ง  และยังบอกเล่าถึงตำนานคนชุดขาวในอดีตที่ยังคงเป็นตำนานบอกเล่าปากเปล่าที่ยังไม่มีใครบันทึกไว้
   
               ประเด็นนี้นอกจากจะเป็นเรื่องข้องใจของทุกคน จนทำให้เกิดปรากฏการณ์นางบุญรานีภริยาสมเด็จฮุนเซน รุดขึ้นไปที่เขาพระวิหารเพื่อประกอบพิธีร่วมกับสังฆราชกัมพูชาในกาลต่อมา  ว่ากันว่าเพื่อแก้เคล็ดให้ประเทศกัมพูชาสู้กับการรุกของ “คนชุดขาว” ที่มีกันอยู่เพียงแค่ไม่ถึง15คนเท่านั้น!!    
                  
  
  
 
 
 

 

    
 
               
 
 
 
 
 
 
  
                               

 
 

 

 
                                 
   
     
 
 
  
 
          

 
 
 
 
  
                            
  



Webboard is offline.