ทำไมรัฐบาลเขมรจึงกลัวคนชุดขาว
การเคลื่อนขบวนคนชุดขาวด้วยการเดินเป็นไปอย่างเชื่องช้า แต่เป็นเหมือนกองทัพมด ค่อยๆสะสมของหวานกักเก็บไว้เป็นพลังงานใช้ในระยะยาว ผลดีของการเคลื่อนอย่างช้าๆ ทำให้บางคนที่เอาใจช่วยมองดูว่าอืดอาดไม่ทันใจ แต่คณะธรรมยาตราเห็นว่าเป็นเงื่อนไขได้อธิบายได้เรื่อยๆถึงเหตุของการลงมือกระทำกิจกรรมต่างๆ
ข่าวคนชุดขาวที่ผามออีแดง สะท้อนไปไกลไม่ใช่เพียงแค่กรุงเทพ หากแต่ไปไกลถึงกรุงพนมเปญ หลังการลาออกของนภดล ปัทมะในฐานะรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ การเคลื่อนไหวเพื่อเตรียมรุกกลับจากฝั่งกัมพูชาก็เกิดขึ้นในทันที การเคลื่อนไหวของกองกำลังเจ้าหน้าที่ในฝ่ายกัมพูชากำลังจะปรากฎเห็นชัดขึ้นจากตะเข็บชายแดนสู่ระดับในนโยบายในกรุงพนมเปญเลยทีเดียว คณะทำงานฝ่ายส่งข่าวของคณะธรรมยาตราดำเนินการส่งข่าวสารแบบกองทัพมดในช่วงจังหวะนี้อย่างเป็นระบบด้วยจดหมายข่าวทางอินเตอร์เนต คนชุดขาวแห่งผามออีแดงกำลังยกระดับจากรูปการต่อสู้ด้วยการเดินธรรมยาตรามาเป็นการประชุมแทน จดหมายข่าวสั้นๆที่ทำการส่งไปทางสื่ออินเตอร์เนต ปรากฎใจความดังนี้
ประกาศด่วนการประชุมวาระแห่งชาติเรื่องเขาพระวิหารและมณฑลบูรพา
โดยคณะกรรมการแห่งชาติประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กลไกรัฐทั้งปวง ประชาชนชาวศรีสะเกษ และผู้รักชาติหวงแหนแผ่นดินทั้งหลาย เพื่อแก้ไขปัญหา เขาพระวิหารและมณฑลบูรพา ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 27-28 มิถุนายน 2551 นี้ที่ทำการอุทยานแห่งชาติผามออีแดง (ทางขึ้นเขาพระวิหารฝั่งไทย)
ร่วมจัดการประชุมโดย สภาประชาธิปไตยแห่งชาติ ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ ขบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย (อ.กันทรลักษ์) และองค์การพันมิตรทั้งปวง
ในสัปดาห์แรกของการปักหลักที่ผามออีแดงโดยไม่ยอมลงตามคำเชิญของเจ้าหน้าที่ ยิ่งทำให้รัฐบาลกัมพูชาขัดเคืองใจหนักยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่ทหารพรานบอกเล่าว่ากัมพูชาจะไม่ยอมเปิดประตูทางขึ้นเป็นอันขาดถ้าพวกชุดขาวยังไม่ลงไปจากผามออีแดง พวกเขาบอกว่าในช่วงห้าวันระหว่างที่คณะธรรมยาตราเดินมานั้นฝนไม่ตกในบริเวณนี้เลย ก่อนหน้านั้นฝนตกเปียกชื้นตลอดจนเสื้อผ้าในชุดเครื่องแบบที่ตากไว้ไม่ยอมแห้ง ทหารที่เข้ามาพูดคุยเป็นทหารผู้น้อย ท่าทางดีใจมากที่ได้พบ และบอกว่าจะช่วยดูแลระหว่างที่คณะธรรมยาตราพักอยู่ พวกเขาเริ่มเล่าประสบการณ์การทำงานและแลกเปลี่ยนถึงชีวิตความเป็นอยู่ แต่ในที่สุดหัวข้อสนทนาก็วกกลับมาที่การแต่งชุดขาวกู้แผ่นดินคืนของคณะธรรมยาตรา อีกจนได้ ในช่วงเวลานี้เองที่คณะธรรมยาตราได้ประกาศจัดการประชุมเร่งด่วนขึ้นที่บริเวณผามออีแดง
มีเรื่องเล่าขานกันเป็นตำนานจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งถึงความกลัวคนชุดขาวของรัฐบาลกัมพูชา ว่าในอดีตนั้นที่บริเวณผามออีแดงนั้นเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของชายคนหนึ่งที่ถือศีลพรตไม่ต่างจากฤาษี ปฏิบัติธรรมอยู่ที่บริเวณผามออีแดง เล่ากันว่าการปฏิบัติธรรมของฤาษีผู้นั้นมีผลอย่างมากต่อชีวิตของทหารไทยที่ตระเวนอยู่แนวชายแดนนี้ อานิสงส์การปฏิบัติธรรมของคนๆเดียวส่งผลให้บริเวณชายแดนสงบสุขขึ้น เรื่องเล่ามิได้บอกว่ามีปาฏิหาริย์อะไรบ้างระหว่างการบำเพ็ญภาวนา แต่ว่ากันว่าทหารได้มีการลงขันว่าจ้างให้ชายผู้นี้อยู่ปฏิบัติธรรมต่อไปเพื่อความสงบสุขของบริเวณชายแดนจนทำให้เขมรเข็ดขยาด เขาได้ปฏิบัติธรรมต่อไปจนวาระสุดท้ายและเสียชีวิตที่บริเวณผามออีแดงนี่เอง
บ้างก็ว่าเป็นเพราะเขมรทำคุณไสยชายแดนไว้มาก ชาวเขมรเชื่อว่าคุณไสยจะทำร้ายคนถือศีลปฏิบัติไม่ได้ จึงไม่ต้องการคนปฏิบัติธรรมเข้ามาในบริเวณดังกล่าว เป็นคำบอกเล่าที่ว่ากันต่อๆมา และยังไม่สามารถพิสูจน็ได้
แต่ที่ปรากฏชัดเจนก็คือคนชุดขาวแห่งผามออีแดงเริ่มเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นในอำเภอกันทรลักษณ์ กิจกรรมของทุกเช้าคือการลงไปบิณฑบาตในเมืองของพระวิจิตรพร้อมรถเครื่องเสียงทวงคืนมณฑลบูรพาเขาพระวิหารเด่นชัด และคนชุดขาวทั้งชายและหญิงที่คอยแจกเอกสารตามบาตรพระไปตลอดทาง
ที่สถานีรถประจำทาง คนชุดขาวที่ขึ้นล่องระหว่างกรุงเทพ-กันทรลักษณ์ กลายเป็นผู้โดยสารที่บริษัทรถทัวร์ดูแลเป็นอย่างดี คนในอำเภอกันทรลักษณ์ส่วนใหญ่แล้ว ต้องการการสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อทวงคืนเขาพระวิหารทั้งนั้น ทั้งที่เข้ามาพูดคุยเป็นการส่วนตัวและที่บริจาคเป็นสิ่งของเช่นน้ำดื่ม และอาหารแห้งให้กับคณะธรรมยาตรา
ชาวกันทรลักษณ์ถามถึงความเป็นอยู่ของคณะธรรมยาตราในฐานะคนชุดขาวกลุ่มหนึ่ง และยังบอกเล่าถึงตำนานคนชุดขาวในอดีตที่ยังคงเป็นตำนานบอกเล่าปากเปล่าที่ยังไม่มีใครบันทึกไว้
ประเด็นนี้นอกจากจะเป็นเรื่องข้องใจของทุกคน จนทำให้เกิดปรากฏการณ์นางบุญรานีภริยาสมเด็จฮุนเซน รุดขึ้นไปที่เขาพระวิหารเพื่อประกอบพิธีร่วมกับสังฆราชกัมพูชาในกาลต่อมา ว่ากันว่าเพื่อแก้เคล็ดให้ประเทศกัมพูชาสู้กับการรุกของ คนชุดขาว ที่มีกันอยู่เพียงแค่ไม่ถึง15คนเท่านั้น!!