คณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาอธิปไตยมณฑลบูรพา-เขาพระวิหารพร้อมกองทัพธรรมกองทัพธรรมพระสงฆ์กว่า 100 รูปรุกนายกฯฮุนเซนด้วยสันติภาพ เดินเท้าจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปสถานทูตกัมพูชา เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2552 เป็นระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร หลังสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศเสียงกร้าวใช้ความรุนแรงต่อประเทศไทย
รายงานข่าวระบุว่าคณะธรรมยาตราทวงคืนมณฑลบูรพา-เขาพระวิหารประกอบด้วยพระสงฆ์นานาชาติ 8 ประเทศจากวัดตะล่อมนำโดยพระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร และกลุ่มธรรมยาตราคนชุดขาวจำนวนประมาณ 20 คน นำโดยนายสมาน ศรีงามตั้งแถวอยู่บริเวณหน้าห้างโรบินสัน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเริ่มเดินเท้าธรรมยาตราในเวลาประมาณ 14.00 น.ผ่านแยกดินแดงไปยังแยกอสมท.ตรงไปสถานทูตกัมพูชาในเขตห้วยขวาง โดยมีพระสงฆ์บังคลาเทศถือป้ายไวนิลเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า Long Live Ultimate Peace Thailand-Cambodia และป้ายภาษาไทย ธรรมยาตราเพื่อสันติภาพนิรันดรไทย-กัมพูชา และ ต่อต้านสงครามสร้างสันติภาพ โดยสภาธรรมาธิปไตยแห่งชาติ
นายสมาน ศรีงามแกนนำธรรมยาตรากล่าวว่า การเดินมาที่สถานทูตในครั้งนี้เนื่องจากการที่สมเด็จฮุนเซนผู้นำกัมพูชาได้แสดงการโต้ตอบด้วยทัศนะที่รุนแรงด้วยท่าทีก้าวร้าวและไม่เป็นมิตร โดยที่ประกาศว่าพร้อมจะยิงทหารไทยและคนไทยที่ล่วงเข้าไปในเขตแดนที่ยังเป็นพื้นที่ทับซ้อนอยู่ ตีพิมพ์ลงโดยสำนักข่าวเกียวโดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2552 เพื่อเป็นการยกระดับการเคลื่อนไหวแนวทางการกอบกู้อธิปไตยสู่สากลด้วยสันติภาพ ด้วยการนำพระพุทธรูปปางห้ามญาติมาเพื่อมอบให้กับนายกฯฮุนเซ็นผ่านสถานทูตกัมพูชาพร้อมปล่อยนกพิราบสีขาว 9 ตัวสัญลักษณ์ของสันติภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณหน้าสถานทูตกัมพูชามีตำรวจตรึงกำลังอยู่ไม่ต่ำกว่าร้อยนาย ตั้งแถวสกัดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าสถานทูตโดยไม่มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชาออกมาต้อนรับแม้แต่คนเดียว เมื่อขบวนธรรมยาตราไปถึงในเวลาประมาณ 16.30 น. นายสมาน ศรีงามประธานคกปท.ก็ได้ทำการอ่าน คำประกาศสันติภาพ ที่หน้าสถานทูต ต่อหน้าสื่อมวลชนและหน่วยข่าวกรองทั้งหลายที่ตรงเข้ามาเก็บรูปภาพ หลังจากนั้นจึงได้ทำการปล่อยนกพิราบสีขาวจำนวน 9 ตัว เพื่อเป็นการประกาศอิสรภาพ และทำการมอบพระพุทธรูปปางห้ามญาติที่ริมทางเท้า โดยที่ไม่มีตัวแทนจากสถานทูตออกมารับแต่อย่างใด จากนั้นพระมหาบุญถึง นำพระสงฆ์ทั้งหมดร่วมทำพิธีสวดร่วมแผ่เมตตาให้แก่รัฐบาลกัมพูชา พร้อมการแจกจ่ายเอกสารคำประกาศสันติภาพให้แก่เจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนและหน่วยข่าวกรอง โดยเอกสารมีสาระสำคัญอธิบายเพราะชาวไทยมีลักษณะพิเศษประจำชนชาติไทยอันสูงส่ง 3 ประการ คือ รักความเป็นไท (Love Of Independence) อหิงสา (Non Violence) รู้จักประสานประโยชน์ (Power of Assimilation) ที่มีรากฐานมาจากหลักธรรมในพระพุทธศาสนา
.....ประเทศไทยมีนโยบายเป็นกลางที่เป็นนโยบายต่างประเทศที่เป็นอิสระตลอดมา โดยมีส่วนช่วยยุติสงครามกลางเมืองในกัมพูชาตามนโยบาย 66/23 และต่อสู้กับทฤษฎีโดมิโน ของสหรัฐฯมาสำเร็จแล้วในอดีต เช่นเดียวกับในอดีตในยุคประวัติศาสตร์สมัยกลางที่กัมพูชาได้มาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์และชาวไทยจากการถูกต่างชาติรุกราน ไทยก็ช่วยกัมพูชาตลอดมาในฐานะประเทศราช (Suzerainty State) และไทยอยู่ในฐานะเป็นประเทศเจ้าครองนครที่มีประเทศราชอยู่ในอำนาจให้ความคุ้มครอง (Suzerain)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารดังกล่าวได้เสนอทางออกในสถานการณ์เร่งด่วนเฉพาะหน้าให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันต่อต้านคัดค้านความรุนแรงและสร้างสรรค์สันติภาพนิรันดรไทยกัมพูชา โดยร่วมกันแสดงมติมหาชนอย่างสันติอหิงสาในทุกรูปแบบ และเสนอให้ประชาชนทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาร่วมกันดำเนินการเคลื่อนไหวระดับสากล เพื่อให้มีการแก้ปัญหาอย่างสันติโดย ศาลโลก ศาลสิทธิมนุษยชนในยุโรป-อเมริกา สภากาชาดสากลและองค์การสหประชาชาติ เป็นต้น เพื่อทำลายเงื่อนไขของสงคราม สร้างเงื่อนไขแห่งสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชาเพื่อโดดเดี่ยว (Isolation) ผู้ปกครองเผด็จการ ผู้กระหายสงครามออกจากประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และโดดเดี่ยวผู้ปกครองเผด็จการ ผู้กระหายสงครามออกจากประชาชาติทุกประเทศทั่วโลกในทุกวิถีทาง (อ่านคำประกาศสันติภาพนิรันดรที่ลิงค์
http://ndmt.multiply.com/journal/item/140)
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมารับพระพุทธรูปดังกล่าว พระมหาบุญถึงได้แสดงธรรมถึงความหมายของพระพุทธรูปและที่มาพระพุทธเจ้าทรงยุติมิให้ญาติพี่น้องทำสงครามแย่งน้ำกันในอดีตซึ่งเป็นเหตุผลที่คณะธรรมยาตรานำพระพุทธรูปปางดังกล่าวมามอบให้กับนายกฯฮุนเซน เพื่อปฏิเสธความรุนแรง และต้องการสันติภาพแบบวิถีพุทธ
ทั้งพี่น้องเขมรและไทยต่างก็เป็นชาวพุทธด้วยกันทั้งสองฝ่าย เราจะปล่อยให้เกิดความรุนแรง ฆ่ากันตายทำไม กัมพูชาเองก็ผ่านสงครามมาก่อน และเชื่อว่าพี่น้องชาวกัมพูชาก็คงไม่อยากอยู่ในภาวะสงครามอีกต่อไปแล้ว เราอยากให้นายกฯฮุนเซนเข้าใจว่า ทั้งสองประเทศต้องแก้ปัญหาด้วยสันติเท่านั้น
ทีมข่าวสันติภาพรายงานว่าในวันเดียวกันหน่วยงานเอ็นจีโอและนักกิจกรรมเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพสากลที่ได้รับทุนสนัยสนุนจากองค์การสหประชาชาติก็ได้จัดงาน เดินเพื่อสันติภาพขึ้นด้วยเช่นกัน ที่ประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งจะเป็นการเดินข้ามทวีปจากนิวซีแลนด์มายังทวีปเอเชียรวมทั้งหมดหลายประเทศเป็นระยะเวลาสามเดือน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่องค์กรระดับโลกจะหันมาทำกิจกรรมเช่นนี้
ที่ผ่านมาสหประชาชาติก็เหมือนองค์กรโลกบาล แก้ปัญหาในห้องประชุม ไม่ต่างจากระบบราชการ นักทฤษฎีสันติปฏิวัติในประเทศไทยกล่าว การออกมาเดินเรียกร้องสันติภาพในครั้งนี้ มองในแง่ดีก็ถือว่าเป็นเรื่องดี มองอีกแง่หนึ่งก็จะเห็นว่าล้มเหลวในการแก้ปัญหา จึงต้องใช้เงื่อนไขในวันเกิดของมหาตมะ คานธีเป็นวันเริ่มต้นเดินธรรมยาตรา
" เราไม่ได้พูดหลักการแล้ว เราลงมือปฏิบัติให้ปรากฎเป็นจริง การเดินธรรมยาตรานั้นเราทำมาก่อนหลายปีมาก "
นักทฤษฎีสันติปฏิวัติกล่าวว่าการริเริ่มของคณะธรรมยาตราส่งกระแสไปได้มาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์โลก และการลงมือปฏิบัติเพราะอยู่ในสถานการณ์จริง โดยมีกรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา เป็นเงื่อนไขในการอธิบายถึงจุดยืนของประเทศไทย