Revolutionary Press Agency : Online Journal and News Agency for Peace
สำนักสื่อปฏิวัติ  : วารสารข่าวออนไลน์เพื่อสันติภาพ
8 มิ.ย. 2554 กองหน้าประชาชนรุ่นใหม่ อนุสรณ์ สมอ่อน ตอบคำถามคาใจทำไมต้องปฏิวัติประชาธิปไตย? 
 
 
ประชาชนหลั่งไหลไป "อโรคยาศาลาวัดตะล่อม" รับรักษาฝังเข็มท่ามกลางวิกฤต
Talom Model in Epidemic Crisis
สำนักสื่อปฏิวัติ - Revolutionary Press Agency (RPA)
ธนบุรี กรุงเทพ  : 3 ก.ย. 2552  0.15 น.
 
 
            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ป่วยหลั่งไหลเดินทางไปวัดตะล่อม ซ.จรัลสนิทวงศ์ ธนบุรี เพื่อเข้ารับการรักษาโรคด้วยวิธีการฝังเข็มแบบธรรมชาติภายใต้โครงการเข็มนำธรรมและการใช้สมุนไพรเป็นยารักษาโรคมีจำนวนเกินคาด สะท้อนปัญหาการขาดแคลนความมั่นคงด้านสวัสดิการสังคมและคุณภาพชีวิตที่ดี

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากระแสความตื่นตัวของคนไทยต่อการรักษาโรคด้วยวิธีธรรมชาติภายใต้โครงการ “เข็มนำธรรม” เกิดจากภัยจากไข้หวัด 2009 และความยากจนที่จะเข้ารับการรักษาจากการแพทย์สมัยใหม่ที่มีราคาค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก   โดยมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากเดินทางไปวัดตะล่อมเพื่อรับการรักษาโรคด้วยวิธีการฝังเข็มทุกวันนับแต่การเปิดรับรักษามาไม่ต่ำกว่าวันละ 200 คนในช่วงสุดสัปดาห์ และได้เพิ่มเวลาให้บริการจากวันเสาร์และอาทิตย์ในช่วงสุดสัปดาห์มาเป็นการรักษาทุกวันไม่เว้นวันหยุด ในระยะเวลา 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา

          พระมหาบุญถึง ชุตินฺธโร ผู้อำนวยการสถาบันธรรมะประชาธิปไตย ประธานสภาธรรมาธิปไตยแห่งชาติ เจ้าอาวาสวัดตะล่อมกล่าวว่า โครงการเข็มนำธรรมและการรักษาด้วยการแพทย์ทางเลือกและสมุนไพรไทยได้เกิดจากความร่วมมือของผู้ชำนาญการหลายฝ่ายที่มีความเห็นตรงกันว่าวัดสมควรเป็นศูนย์กลางและเป็นที่พึ่งให้กับสังคมไทยได้ในยามวิกฤต   จึงได้ทำการเปิดวัดสำหรับเป็นที่พึ่งพิงให้กับคนไทยที่เกิดความเจ็บป่วย และไม่มีเงินไปรับการรักษาจากแพทย์สมัยใหม่  โดยได้ประยุกต์ใช้ศาลาวัดเป็นที่รับรักษาโรค ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่เกิดความหวาดกลัวการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไปทั่วประเทศ โดยทางวัดไม่ได้คิดค่าตอบแทนใดๆ ขึ้นอยู่กับผู้เจ็บป่วยต้องการทำบุญร่วมกับโครงการเป็นค่าเข็ม ค่าน้ำ ค่าไฟตามสมควร
 

 
 
          รายงานข่าวแจ้งว่าเนื่องจากยอดของจำนวนผู้เข้ารับรักษาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนศาลาไม่เพียงพอ  จึงได้มีกางเต็นท์เพิ่มขึ้นอีกสองเต็นท์ในบริเวณวัดเพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น   พระมหาบุญถึงกล่าวว่าปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลไม่ได้จำกัดอยู่ที่ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่ง แต่ควรผสมผสานศาสตร์ทุกศาสตร์เข้าด้วยกัน การแพทย์แผนใหม่ที่เคยเป็นที่พึ่งยามเจ็บป่วยมิใช่ทางเลือกทางเดียวอีกต่อไป  โดยคาดว่าการรักษาโรคและการใช้วัดเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ความรู้จะทำให้ประชาชนพึ่งตัวเองได้และพึ่งพาการนำเข้ายาจากต่างประเทศน้อยลง

           หมอเลิศ ไกยฝ่ายผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาฝังเข็ม ในฐานะอาจารย์ผู้สืบทอดวิชาฝังเข็มหรือที่เรียกกันว่า “หมอเทวดา” ได้ระดมทีมหมอฝังเข็มซึ่งประกอบไปด้วยพระสงฆ์ แม่ชี และฆราวาสชายหญิงเข้าฝังเข็มที่วัดตะล่อมกล่าวว่า  หมอเลิศกล่าวว่าได้ทำหน้าที่ฝึกคนให้เป็นหมอมาหลายปี ซึ่งจะมีวิธีการดำเนินงานไม่ต่างกันคือ  หลังจากคนไข้มารับการรักษาแล้วก็จะได้ฝึกผู้ป่วยให้เป็นหมอต่อไปหลังจากนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ป่วยว่าพร้อมจะศึกษาหรือไม่ 

         “ ศาสตร์นี้เป็นศาสตร์โบราณ รักษากันมานานในประเทศจีน เป็นพลังจักรวาลผ่านเข็มเข้าไปในร่างกายคนป่วย”      “ คนที่จะรักษาคนอื่นหาย จะต้องเป็นคนที่จิตใจดี”  หมอเลิศกล่าว

           หมอเลิศ กล่าวว่าขณะนี้ได้มีคนไข้ที่เข้ามารับการรักษาที่ได้ผันมาเป็นนักศึกษาเรียนรู้การฝังเข็มแทนเพื่อสามารถนำไปใช้ฝังเข็มให้ตนเอง ครอบครัวและช่วยเหลือผู้อื่นได้  ซึ่งเป็นการใช้หลักการพึ่งพาตัวเองเป็นหลัก  ในระยะยาวจะทำให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงและพึ่งพิงรัฐน้อยลง
 
 
 
 
หมอเลิศ ไกยฝ่ายระหว่างการบรรยายเรื่องสรรพคุณการฝังเข็ม (ซ้าย)
ระหว่างปฏิบัติธรรมที่วัดตะล่อมในชุดขาวชูเข็มนำธรรม (ขวา)

             สมาน ศรีงามผู้ประสานงานโครงการเข็มนำธรรมกล่าวว่าขณะนี้กองทุนเข็มธรรมะประชาธิปไตยได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยได้รับการบริจาคร่วมทุนครั้งแรกจากพระสงฆ์จากวัดปากน้ำ ภาษีจริญ ที่นอกจากจะเข้าร่วมรักษาแล้ว ยังได้นำเยาวชนปฏิบัติธรรมจำนวนหลายสิบคน มาเข้าร่วมเสวนาธรรมะที่วัดตะล่อมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์อีกด้วย

            นายสมานกล่าวว่า ขณะนี้พระสงฆ์เกิดความตื่นตัวเรื่องโครงการเข็มนำธรรมเนื่องจากสามารถทำให้วัดตะล่อมเป็นต้นแบบการบ่มเพาะวัฒนธรรมธรรมะประชาธิปไตยไปควบคู่กับการดูแลรักษา  และทำให้พระสงฆ์มีความสนใจแลกเปลี่ยนกิจกรรมระหว่างวัดต่างๆ จึงได้จัดตั้งกองทุนหมอธรรมะประชาธิปไตยขึ้นมาสำหรับผู้สนใจศึกษา
 
             “ กองทุนหมอธรรมะประชาธิปไตยทั้งหมด 99 กองทุน มีคนสมัครเรียนแล้ว 50 คน โครงการยังต้องการการระดมทุนเพิ่มเพื่อสนับสนุนกองทุนดังกล่าว ” นายสมานกล่าว   

             “ ธรรมะเป็นประโยชน์ต่อมหาชน ประชาธิปไตยเป็นประโยชน์ต่อปวงชน โครงการนี้จะทำให้เกิดการการปฏิบัติธรรมพื้นฐานคือ  ทาน ศีล ภาวนา เป็นการให้ต่อสังคม และได้ปฏิบัติหลักความเสมอภาค ภราดรภาพต่อประชาชน เพราะไม่ว่ารวยหรือจน ก็รับรักษาเท่ากันหมด”  นายสมานกล่าว

            นายสมานกล่าวว่าวัดตะล่อมจะกลายเป็นวัดต้นแบบ หรือที่เรียกว่า Talom Model สร้างธรรมะประชาธิปไตยด้วยวิถีพุทธต่อไปในระยะยาว  ซึ่งขณะนี้นอกจากการรักษาโรคด้วยการฝังเข็มแล้ว วัดตะล่อมยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกที่เป็นการบำบัดรักษาโรคและดูแลสุขภาพองค์รวมในระยะยาวเช่นการฝึกท่ารำชี่กงโดยมีผู้เชื่ยวชาญสอนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมทั้งยังได้เริ่มต้นนำสมุนไพรไทยมาจำหน่ายสำหรับแก้โรคหวัด 2009อีกด้วย ภายใต้โครงการมหัศจรรย์สมุนไพรไทยต้านมหันตภัยหวัด 2009 ภายใต้การนำของนายแพทย์ บุญเทียม เขมาภิรัตน์ผู้ศึกษาเรื่องสมุนไพรไทยมาอย่างดี
           
             ในช่วงสุดสัปดาห์ยอดคนเข้ารับการบำบัดรักษามีจำนวนเกิน 200 คนภายในระยะเวลาเกือบหนึ่งเดือน ในขณะนี้ผู้เข้ารับการรักษาโรคมิใช่มีแต่เพียงชาวพุทธเท่านั้น มีทั้งชาวคริสต์ อิสลาม และชาวไทยซิกข์ อีกด้วย


  
 
การฝังเข็มโดยแม่ชีเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เป้นแม่ชีด้วยกัน
 
 
 
     
 

 
ความรู้เรื่องการฝังเข็ม
 
 
การฝังเข็มเป็นศาสตร์การแพทย์จีนที่มีอายุยืนยาวกว่า 2000 ปี วิชาการแพทย์ฝังเข็มที่ใช้ในการรักษาโรคมีวิวัฒนาการบนพื้นฐานทฤษฎีหยินหยาง ทฤษฎีปัญจธาตุทฤษฎีอวัยวะ และทฤษฎีลมปราณโดยเชื่อว่าพลังชีวิตของมนุษย์มาจากพลังลมปราณที่ไหลหมุนเวียนอยู่ในร่างกาย จุดฝังเข็มจะกระจายอยู่ตามแนวทางการเดินของเส้นลมปราณ และเป็นจุดที่การไหลเวียนของพลังลมปราณเปิดติดต่อกับโลกภายนอก  ในยามที่ร่างกายเจ็บป่วยหรือขาดสภาวะสมดุลระหว่างหยินและหยาง อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็มักจะเกิดขึ้นกับจุดฝังเข็มด้วย นอกจากนี้แพทย์ปัจจุบันยังพบว่าการฝังเข็มยังกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งช่วยระงับอาการปวดได้ และยังมีสารอีกหลายชนิดที่หลั่งออกมาช่วยลดอาการอักเสบ ยังพบว่าการฝังเข็มช่วยให้เลือดลมเดินสะดวก
 
 
 
 โรคที่รักษาหายได้

 

               

 
 
เบาหวาน
อัมพฤกษ์
อัมพาตครึ่งซึก
โรคภูมิแพ้
โรคฝีทึกชนิด (มะเร็ง)
โรคริดสีดวง
โรคกระดูก เข่าเสื่อม
ไมเกรน
หอบหืด
ไซนัส
ปวดเอวเรื้อรัง
ปวดท้ายทอยเรื้อรัง
ความจำเสื่อม
โรคน้ำตาไหลไม่หยุด
โรคกลืนไม่ลง (อัมพาตที่ลำคอ)
โรคกระเพาะ
โรคสตรี ประจำเดือนมาไม่ปรกติ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 



Webboard is offline.