พระมหาบุญถึงแสดงความเห็นว่าหัวข้อในที่ประชุมให้ความสำคัญกับพุทธศาสนาในการแก้ปัญหาโลกสร้างสันติภาพ  แต่ในที่ประชุมกลับขาดการให้ความรู้เกี่ยวกับการเมืองประชาธิปไตย ทั้งๆที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เป็นประชาธิปไตยสูงที่สุดในโลก  แต่ในการปกครองรัฐบาลไทยทุกสมัยกลับกีดกันพระสงฆ์ออกจากการแก้ปัญหาการเมืองการปกครองเนื่องจากระบอบการเมืองภายในประเทศเป็นเผด็จการ และระบอบการบริหารงานของพระสงฆ์โดยมหาเถรสมาคมก็เป็นเผด็จการอีกด้วย 

            “รัฐบาลเอาโซ่ตรวนมาผูกพระสงฆ์ไว้นานกว่า 70 ปีแล้ว มหาเถรสมาคมยังเอาโซ่อีกเส้นหนึ่งมาผูกทับหนักเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง”  พระมหาบุญถึงกล่าว   

            รายงานข่าวจากสื่อมวลชนทุกแขนงรายงานว่าการจัดงานวิสาขบูชาระหว่างวันที่ 2-8พ.ค.โดยกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาตามปรกติ มีการออกโรงทาน เผยแพร่โดยวัดหลาย และชมรมชาวพุทธหลายสำนึก ที่ทำต่อๆกันมาทุกๆปี   แต่แหล่งข่าวในวงการพระสงฆ์ระบุว่าการจัดงานครั้งนี้กร่อยกว่าทุกครั้ง  เนื่องจากมีการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการจัดงานที่สนามหลวงหนักขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ดังจะเห็นได้จากการเก็บค่าร้านค้าแผงลอยรอบบริเวณสนามหลวง  

            “รัฐบาลลูบหน้าปะจมูก พยายามจะเอาวันวิสาขบูชาและกระแสสันติภาพของคนพุทธไปเป็นเครื่องมือทางการเมือง  เพราะรัฐบาลกำลังอับจนทางแก้ปัญหา” พระวิจิตร ญาณโสภโณเลขาธิการขบวนการศาสนาเพื่อมนุษยชาติกล่าว 

            รายงานข่าวในวันที่ 8 พ.ค. ที่พระอุโบสถ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรมการศาสนา กระทรวงวัฒน ธรรม (วธ.) จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชาประจำปี 2552 โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และนายธีระ สลักเพชร รัฐ มนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส สมเด็จพระพุฒาจารย์ กล่าวสัมโมทนียกถาว่า ขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้วว่า การแก้ปัญหาของประเทศควรใช้หลักธรรม เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีประชากรอยู่ร่วมกันหลายศาสนา แต่อยู่กันด้วยความปรองดอง ไม่มีการแบ่งแยกจึงทำให้ประเทศไทยเป็นแบบอย่างในการมีหลายศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความสันติสุข แต่บางครั้งอาจจะมีความขัดแย้งทางการเมืองบ้าง แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนา เพราะในประเทศไทยไม่ได้มีความขัดแย้งกัน 
            แหล่งข่าวในกลุ่มนักเคลื่อนไหวชาวพุทธแสดงความเห็นโต้แย้งสมเด็จพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว)ว่าไม่ว่ารัฐบาลจะพูดหรือจัดงานให้เกิดภาพที่ดูปรกติอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า ประเทศไทยมีปัญหาวิกฤตเกิดการแตกแยกในสังคม เนื่องจากปัญหาการขัดแย้งทางการเมือง และมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาโดยตรงเนื่องจากพระสงฆ์ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง รวมทั้งสมเด็จเกี่ยวแห่งวัดสระเกศด้วย 
            สมาน ศรีงาม นักทฤษฎีของขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติที่เคลื่อนไหวในแนวสันติกล่าวว่า ปัญหาระบอบเผด็จการเป็นปัญหาเฉพาะหน้าของทั้งพระสงฆ์และการเมืองทางโลก  ถ้าจะแก้ปัญหาวิกฤตได้ชาติ และวิกฤตโลก จะต้องแก้ปัญหาที่ระบอบก่อน เพราะระบอบเปิดโอกาสให้คนมักใหญ่ใฝ่สูงยึดอำนาจเป็นเผด็จการเสียเองทั้งในสังคมฆราวาสและสังคมพระสงฆ์  
            “มหาจุฬาเคยมีคนดีๆอยู่ พระที่มีวิชาความรู้ถูกขับออกหมด อย่างเช่น พระราชปัญญาเมธี (ดร.สมชัย กสลจิตฺโต) กลายเป็นสถาบันที่อ่อนแอ พระสงฆ์รูปเดียวผูกขาดการเป็นอธิการบดีมาหลายสมัย เป็นเผด็จการเสียเอง เหลือแต่พวกเลียแข้งเลียขา  มหาจุฬาถึงยุคมืด แดนสนธยาภายใต้ระบอบท่านเจ้าคุณประยูร ”   แหล่งข่าวชาวพุทธกล่าว